หุ้นเสี่ยงจบรอบ หมุนเกือบทุกกลุ่ม เก็งแบงก์กำไรไม่แย่-ปตท.หั่นงบ1.5 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>หุ้นออกอาการหมดแรง หลังจากวิ่งมาหลายวัน เจอขายทำกำไรเกือบครบทุกกลุ่ม ตีตัวเล็กซิลลิ่ง ปลุกแบงก์ใหญ่ บล.บัวหลวงเชื่อความสำเร็จอุ้มลูกหนี้รายย่อย ลดภาระสำรองหนี้ไตรมาส 2-3 เชียร์ BBL-KKP ราคาถูก เงินปันผลสูง กลุ่มปตท.ลดงบลงทุนปี 63 จาก 69,310 ล้านบาทเหลือ 53,901 บาท ราคาน้ำมันดิบอ่อนแรง กดดันหุ้นพลังงาน

วันที่ 28 พ.ค.2563 ตลาดหุ้นเปิดบวกแรงกว่า 10 จุด ตามตลาดต่างประเทศ แต่กลับปิดต่ำสุดที่ 1,337.51 จุด -7.60 จุด หรือ -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 85,822.70 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายต่อ 763 ล้านบาท รายย่อยขาย 434 ล้านบาท สถาบันซื้อ 1,463 ล้านบาท

มาร์เก็ตติงกล่าวว่า ตลาดหุ้นมีสัญญาณอ่อนแรง หลังจากราคาหุ้นในหลายกลุ่มปรับตัวขึ้นไปมาก และเริ่มปรับตัวลงหรือเคลื่อนไหวแคบๆ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และจีน รวมถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในไตรมาส 2 มีโอกาสปรับตัวลงแรง นักลงทุนมีการสลับเข้าไปเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก รวมถึงบริษัทที่มีผลการดำเนินงานไม่ดี พร้อมมองหาโอกาสจากหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด

ในช่วงนี้หุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ขึ้นมาโดดเด่น นอกจากราคาหุ้นต่ำแล้ว มีการประเมินว่ามาตรการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะช่วยลดภาระการตั้งสำรองหนี้และสินเชื่อขยายตัว เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ดีกว่าที่คาดในไตรมาส 2/2563

สำหรับธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ปิดที่ 109.50 บาท +7 บาทหรือ 6.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 4,000 ล้านบาท เนื่องจาก ธปท. ขยายเวลาให้ NVDR ถือหุ้นไม่เกิน 35% อีก 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.-23ธ.ค.2563 จากเดิมกำหนดไม่เกิน 25% ของทุนชำระแล้ว และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับตัวขึ้น จากลูกค้า SME ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการเสริมสภาพคล่องและสินเชื่อที่พักชำระไม่นับเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs)

ส่วนหุ้นพลังงาน ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบและคำแนะนำปรับลดน้ำหนักการลงทุนของโบรกเกอร์ต่างชาติ

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดแกว่งตัวจากช่วงเช้าบวกขึ้นมา และปิดในแดนลบ โดยภาพรวมนักลงทุนหมุนการเล่นตามหุ้น Value Play บน P/E ที่ต่ำ ในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด นำโดยกลุ่มแบงก์ และแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลด

“ตลาดยังแกว่งตัวในกรอบ แนวรับที่ 1,320 จุด และแนวต้านที่ 1,360 จุด ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตาม สบค.จะปลดล็อกธุรกิจ เฟส 3 และการขยายระยะเวลาเคอร์ฟิว แต่ในช่วงปลายตลาดวันที่ 29 พ.ค. ตลาดอาจจะมีความผันผวน ผลจาก MSCI Reblance เปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย  ทำให้นักลงทุนสถาบันปรับพอร์ตให้สอดคล้อง  แต่จะขาย ออกมาไม่มาก คาดว่าประมาณ 250 ล้านบาท ก่อนการปรับในรอบที่ 2 ในวันที่ 1 มิ.ย. 2563” นายวิจิตรกล่าว

บล.บัวหลวงวิเคราะห์ว่า ธปท.ประกาศความสำเร็จในการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย 15 ล้านราย วงเงิน 6.6 ล้านล้านบาท เชื่อว่าธนาคารที่เน้นสินเชื่อรายย่อยจสามารถผ่อนคลายการสำรองค่าเผื่อหนี้สูญลงได้ เพราะไม่ถือว่าเป็นหนี้เสียในช่วง 6 เดือน หรือ จากไตรมาส 2-3 มองว่า KKP,TISCO,TMB,SCB จะใช้ประโยชน์ และกำไรในไตรมาส 2 และ 3 จะไม่มีภาระสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ หากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงในปลายเดือนมิ.ย. 2563

“ข่าวนี้เป็นบวกกับกลุ่มแบงก์ คงคำแนะนำให้น้ำหนักเท่าตลาด แนะนำ BBL ,KKP เนื่องจากมีราคาถูก Downside ต่ำกว่าธนาคารอื่น มีผลตอบแทนเงินปันผลสูง” บล.บัวหลวงระบุ

ทางด้านบริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติวันที่ 28 พ.ค.2563 ได้ทบทวนแผนการลงทุนของปตท.และบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% อนุมัติให้ปรับลดแผนการลงทุนสําหรับปี2563 จำนวน 15,409 ล้านบาท จากจํานวน 69,310 ล้านบาทเป็น 53,901 ล้านบาท โดยเฉพาะการลงทุนในบริษัทที่ปตท.ถือหุ้น 100% ลดลงถึง 10,187 ล้านบาท จากจำนวน 47,204 ล้านบาท เหลือ 37,017 ล้านบาท ธุรกิจก๊าซธรรมชาติลดลง 2,338 ล้านบาท จาก 5,799 ล้านบาทเป็น 3,461 ล้านบาท และธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ลดลง 2114 ล้านบาท จาก 5,836 ล้านบาทเหลือ 3,722 ล้านบาท