HoonSmart.com>>เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ขอดูผลงานไตรมาส 2 คาดปีนี้ทำได้ไม่ถึงเป้ายอดขาย 1.15 หมื่นล้านบาท ยอดโอน 1.06 หมื่นล้านบาท หลังเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น มีแผนเลื่อนเปิด 3 โครงการ จากแผนเปิด 10 โครงการ ตุน Backlog 1.1 หมื่นล้านบาท รับรู้ปีนี้ 6,400 ล้านบาท บล.ดีบีเอสฯมองบ้านแนวราบขายดีเดือนเม.ย. หนุนผลงานไตรมาส 2 แนะนำซื้อ SENA ยก LH เด่น กำไรฟื้นตัวครึ่งปีหลัง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนปรับลดเป้าหมายของปี 2563 ที่คาดว่าจะมียอดขายรวม 11,500 ล้านบาท และยอดโอน 10,600 ล้านบาท หลังเห็นผลงานไตรมาส 2/63 เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยไตรมาส 1 มียอดขาย 1,560 ล้านบาท และยอดโอน 1,289 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการพร้อมขายอยู่ที่ 25,351 ล้านบาท
สำหรับยอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 11,809 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปีนี้ 6,443 ล้านบาท จากโครงการ นิชโมโน สุขุมวิท-แบริ่งจำนวน 1,454 ล้านบาท ,นิชไพรด์ เตาปูน 2,589 ล้านบาท และ นิชโมโน เจริญนคร 1,282 ล้านบาท ในปี 2564 รับรู้อีก 2,259 ล้านบาท และปี 2565 อีก 3,107 ล้านบาท
ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2563 มี 10 โครงการ เริ่มทยอยเปิดไป 3 โครงการ ได้แก่ นิชโมโน อิสรภาพ ,คิทท์ พุทธมณฑลสาย 7 และคิทท์ รังสิต-ติวานนท์ และอีก 4 โครงการจะทยอยเปิดตามมา ได้แก่ คิทท์ พลัส พหลโยธินคูคตเฟส 2 ,เสนา วิลเลจ รังสิต-ติวานนท์ ,เสนา วีว่า พุทธิมณฑล สาย 7 และ เสนา วีว่า เทพารักษ์ แต่ทั้งนี้อีก 3 โครงการ ได้แก่ ปีติ สมเด็จเจ้าพระยา , นิชไพรด์ บางโพ และโครงการใหม่ ยังต้องรอดูสถานการณ์ภาวะของตลาด โดยจะประเมินอีกครึ่งในครึ่งปีหลัง
ด้านผลงานไตรมาส 1 มีรายได้รวม 928.71 ล้านบาท ลดลง 14.1% สวนทางกำไรสุทธิ 230.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.1% เนื่องจากการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้จำเป็นลง เหลือ เพียง 193 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 312 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการติดโซลาร์เพื่อตอบสนองตามความต้องการในบ้านทาวน์โฮม เริ่มติดในโครงการ เสนา วิลล์ ลำลูกกา คลอง 6 เป็นโครงการแรก โดยจะเริ่มเปิดขายในเดือน มิ.ย. นี้ คาดว่าจะได้การตอบรับที่ดี
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ ถ่วงน้ำหนักปานกลางสำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัย หุ้นเด่นคือ LH ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท นอกจากนี้แนะนำ ซื้อ AP,LH, LALIN, SENA, PRIN และ ถือ สำหรับ QH,SC และ SPALI
จากการสอบถามบริษัทพบว่า บ้านแนวราบกลับมาขายดีตั้งแต่หลังเทศกาลสงกรานต์ ผิดจากในช่วงเดือนมี.ค. ทำให้ในไตรมาส 2 มีโอกาสไม่แย่อย่างที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า เพราะผู้ซื้อมีแรงอั้นมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 และได้โปรโมชันที่ตรงใจ ส่วนมาร์จิ้นผู้ประกอบการก็ไม่แย่ลง
บล.ดีบีเอสฯระบุว่า LH เน้นบ้านแนวราบ เจาะตลาดที่มีความต้องการจริง แม้ว่าไตรมาส 1 มีกำไรหลักเพียง 1,300 ล้านบาท ลดลง 26% จากระยะเดียวกันปีก่อน และหดตัว 40% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมที่ปรับลง คาดว่ากำไรจะถึงจุดต่ำสุดในงวดไตรมาส 2 และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง รวมกำไรหลักปีนี้ลดลง -22% แต่ปี 2564 กลับมาฟื้นตัว +22% ราคาหุ้นปรับขึ้นดี จนราคาปิดมีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานไม่สูงนักเป็น 7% เมื่อรวมกับอัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ที่ 6% ผลตอบแทนรวมเป็น 13%