ส่งออก เม.ย.ขยายตัว 2.12% ดีเกินคาดได้”ทองคำ”ช่วย

HoonSmart.com>>กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขส่งออก เม.ย.ขยายตัว 2.12% สวนทางตลาดคาดหดตัว -4.6% ถึง -3.0%  ได้สินค้าเกษตร-อาหารช่วยช่วงล็อกดาวน์  ทองคำออกไปมาก  ธนาคารกสิกรไทยเผยได้ส่งออกทองคำพุ่งถึง 1,102%ช่วย หากหักออกส่งออกหดตัว 10.31% ส่วนนำเข้าเม.ย.หดตัว -17.13% จากนำเข้าน้ำมัน-อาวุธลดลง 

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือน เม.ย.2563 โดยการส่งออกมีมูลค่า 18,948 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากตลาดคาดว่าจะหดตัว -4.6% ถึง -3.0% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,486 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -17.13% ขณะที่ดุลการค้าเกินดุล 2,462.3 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับภาพรวมช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 81,620 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 1.19% ส่วนนำเข้ามีมูลค่า 75,224 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -5.72% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 6,396 ล้านเหรียญสหรัฐ

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนเม.ย.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 4.03% ตามความต้องการสินค้าอาหารของตลาดโลกในช่วงล็อกดาวน์ โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน และขยายตัวสูงสุดที่ 23.1%  โดยคาดว่าสินค้าเกษตรและอาหารจะเติบโตดีต่อเนื่องได้อีก 1-2 ปี ซึ่งนับเป็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทย

ประเด็นที่น่าจับตามองในเดือนเม.ย. คือการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงจากการที่นักลงทุนเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงเปลี่ยนมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกทะยานขึ้นในระดับสูง ไทยส่งออกทองคำไปยัง 3 ตลาดหลัก คือ สวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์ และฮ่องกง ขณะที่สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะราคาที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มูลค่าการส่งออกชะลอตัว โดยเฉพาะในอาเซียนและ CLMV

อย่างไรก็ดี เมื่อหักมูลค่าสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธยุทธปัจจัยแล้ว การส่งออกในเดือนเม.ย. หดตัว -7.53% ขณะที่การส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้   หดตัวที่ -0.96%

สำหรับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังเผชิญอุปสรรคด้านการขนส่งบริเวณท่าเรือที่แออัด และการขนส่งทางอากาศที่หยุดชะงัก

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงไตรมาส 2 มีโอกาสติดลบแต่ไม่มากนัก เนื่องจากติดปัญหาที่หลายประเทศล็อกดาวน์ ทำให้ระบบโลจิสติกส์ต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะการส่งออกรถยนต์ ส่วนทิศทางในครึ่งปีหลัง ในภาวะที่ปกติ จะส่งออกได้ราวเดือนละ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้จะทำให้ส่งออกติดลบเพียงเล็กน้อยที่ -0.5% แต่ปีนี้ไม่ปกติ อาจส่งออกไม่ถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน

อย่างไรก็ดี ยังมีโอกาสที่การส่งออกจะติดลบน้อยกว่า -0.5% จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกหากเฉลี่ยทั้งปีนี้อยู่ที่ระดับ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรขจากอุปสงค์ที่ยังมีมากในตลาดโลก และเงินบาทที่อ่อนค่า และต้องไม่มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามากดดันเพิ่มด้วย โดยเฉพาะสงครามการค้ารอบใหม่

ธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า การส่งออกเดือนเม.ย.ขยายตัว สวนทางกับที่ตลาดคาดการส่งออกจะหดตัว 3% เนื่องจากการส่งออกทองคำขยายตัว 1,102% หากหักทองคำ การส่งออกหดตัว 10.31%

ส่วนการนำเข้าหดตัว 17.1% จากเดือนก่อนที่ขยายตัว 7.25% หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ -6.50% โดยมาจากการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป และอาวุธที่หดตัวสูง ทำให้ดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นมาที่ 2.46 พันล้านดอลลาร์ จากเดือนก่อนที่เกินดุล 1.59 พันล้านดอลลาร์