HoonSmart.com>> “ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์” เดินหน้าลงทุนโครงการ Solar Rooftop ต่อเนื่องทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม เผยกระแสตอบรับดีเยี่ยม ลูกค้าใหม่สนใจเซ็นสัญญาจำนวนมาก มั่นใจปี 63 ปิดดีลครบ 50 เมกะวัตต์ ล่าสุด ร่วม “ฮอนด้า ออโตโมบิล” ติดตั้งแผง Solar Rooftop จำนวน 2 โครงการ โรงงานนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และปราจีนบุรี รวม 5 เมกะวัตต์ เสร็จปี 63
นายนิพนธ์ บุญเดชานัทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าการติดตั้งและการบริการแบบครบวงจรในโครงการ Solar Rooftop อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มีเป้าหมายที่จะเซ็นสัญญากับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมครบ 50 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะครบ 100 เมกะวัตต์ ในปี 2565 โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการเซ็นสัญญากับ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ในการติดตั้งแผง Solar rooftop บนหลังคาโรงงานฮอนด้าจำนวน 2 โครงการ รวมทั้งสิ้น 5 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ประกอบด้วย โรงงานฮอนด้า สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาดติดตั้ง 2.5 เมกะวัตต์ เพื่อนำกระแสไฟฟ้าไปใช้ในกระบวนการผลิตของโรงงาน รวมถึงโรงบำบัดน้ำเสีย และโรงงานฮอนด้า นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ขนาดติดตั้ง 2.5 เมกะวัตต์ เพื่อนำกระแสไฟฟ้าไปใช้ในกระบวนการผลิตของโรงงาน ซึ่งการติดตั้งแผง Solar Rooftop ดังกล่าว จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Offset) ให้กับโรงงานฮอนด้าตลอดอายุการใช้งานของระบบได้กว่า 1 แสนตัน โดยจะเริ่มติดตั้งในเดือนเม.ย.2563
WHAUP มีมาตรฐานอย่างสูงในด้านวิศวกรรมและความปลอดภัย รวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในโครงการ Solar Rooftop จาก Track record หลายโครงการ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าเพื่อติดตั้งโครงการ Solar Rooftop ไปแล้ว 43 ราย แบ่งเป็นลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและ Logistics Park ของดับบลิวเอชเอ จำนวน 29 ราย และนอกนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 14 ราย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มลูกค้าอีกกว่า 80 ราย ที่ให้ความสนใจในการติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อดำเนินการติดตั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
“บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาโซลูชั่นพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ Solar rooftop ซึ่งล่าสุดได้มีการลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนานวัตกรรมพลังงานด้านต่างๆ อาทิ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะในพื้นที่อุตสาหกรรม (Smart / Microgrid) โครงสร้างตลาดไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) โครงสร้างอัตราค่าบริการรูปแบบใหม่ (Net Metering) ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ ดับบลิวเอชเอ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ซึ่งตามแผนการขยายธุรกิจที่วางไว้จะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นในปีนี้ อยู่ที่ 591 เมกะวัตต์ ” นายนิพนธ์ กล่าว