HoonSmart.com>> “บิวตี้ คอมมูนิตี้” ไตรมาส 1/63 ขาดทุน 39.68 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อน 157% รายได้ลดลง 51% ผลกระทบ COVID-19 พ่นพิษ ยอดขายจีนและหลายประเทศวูบ ด้านธุรกิจเครื่องสำอางแข่งขันรุนแรง
บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 พลิกขาดทุนสุทธิ 39.68 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.01 บาท ลดลงจาดงวดปีก่อน 157.05% จากมีกำไรสุทธิ 69.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท
อีกทั้งผลงานลดลง 160.66% จากไตรมาส 4/2562 ซึ่งกำไรสไหรับงวดลดลงหลักๆ มาจากรายได้และกำไรขั้นต้นที่ลดลง โดยกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 150.27ล้านบาท ลดลง 54.51% จากไตรมาส 1/2562 และลดลง 47.89% จากไตรมาส 4/2562 และมีอัตรากำไรขั้นต้น 56.23% ต่ำกว่าไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 60.74% และไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ 60.00% หลักๆ เกิดจากการทำโปรโมชั่นเพิ่มมากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายและเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางที่มีสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง จัดโปรโมชั่นต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดขายและเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากท้งัผูแ้ข่งขันรายเดิม และผู้แข่งขันรายใหม่ที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีรอยัลตี้ในแบรนด์น้อยลง และเปลี่ยนใจไปทดลองแบรนด์อื่นๆ มากขึ้น
บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2563 เท่ากับ 270.32 ล้านบาท ลดลง 50.74% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและลดลง 44.09% จากไตรมาส 4 ปี 2562 โดยสัดส่วนรายได้ปี 2563 นี้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากการขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีก ซึ่งมีสัดส่วนของร้านบิวตี้บุฟเฟ่ตเ์ท่ากับ 48.33% ร้านบิวตี้คอทเทจ 10.06% ต่างประเทศ 26.45% คอนซูมเมอร์โปรดักส์ 11.86% อีคอมเมิร์ช 1.96% และอื่นๆ 1.34%
อนึ่ง การขายไปตลาดต่างประเทศบริษัทขายสินค้าในลักษณะค้าส่งและสำหรับ Same Store Sales Growth (SSSG) ไตรมาส 1 ปี2563 เท่ากับ -42.87%
รายได้ที่ลดลงหลักๆ เกิดจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศจีน และขยายเป็นวงกว้างไปอีกหลายประเทศทั่วโลก ทำให้หลายๆประเทศออกมาตราการควบคุมการแพร่ระบาดของไว้รัสโควิด-19 รวมถึงประเทศไทยด้วย ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจชะลอตวัลงท้งัในและต่างประเทศผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยลดลงและหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน และจากการปิดตัวลงของศูนย์การค้าต่างๆ ตามประกาศของรัฐบาลในช่วงเดือนมีนาคมส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัท ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ในส่วนของ Shop Retail เกือบทั้งหมด อีกทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้อัตราผู้เดินทางเข้าออก –ออกในสนามบินหลักของไทยลดลงด้วย
ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทั้งในส่วนของร้านค้าปลีกให้เป็น Multi Brand มากขึ้น พัฒนาระบการจัดจำหน่ายช่องทาง E-commerce เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นและขยายช่องทางการจดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศและช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการจำหน่ายผ่านเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ทำให้บริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีความหลากหลายและเข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องรับกับสถานการณ์โดยการมุ่งเน้นการทำการตลาด และการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ด้วยการพัฒนาโมเดลการขายใหม่จาก Offline Shop เป็น BEAUTY Online Shop พนักงานขายหน้าร้านสามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้เพื่อรองรับความตอ้งการของกลุ่มลูกคา้เดิม และเพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อีกท้งัเพื่อรองรับกับไลฟ์ สไตส์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในอนคตที่จะสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากยิ่งขึ้น
นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ BEAUTY ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 2-3 ต่อเนื่อง และคาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญานที่ดีจากยอดขายและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวปลายไตรมาส 3/63
อย่างไรก็ตามบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง กระแสเงินสดมีสภาพคล่องสามารถบริหารจัดการธุรกิจและนำมาปรับแผนการดำเนินงานทั้งระบบการค้า สร้างช่องทางจำหน่ายใหม่ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและมั่นใจว่าสามารถพัฒนาธุรกิจให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นและผ่านพ้นวิกฤตไปได้