HoonSmart.com>>“เจริญโภคภัณฑ์อาหาร “ สร้างสถิติกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6,111 ล้านบาท ได้อานิสงส์ โรคระบาดในหมู ดันราคาขายขึ้นแรง “ ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ” ซีอีโอ มั่นใจไตรมาส 2 ดีต่อเนื่อง หลังสิงคโปร์ เปิดทางนำเข้าหมู ไก่ จากไทย และต้นทุนวัตถุดิบ “ข้าวโพด” มีแนวโน้มราคาทรง-ลดลง , ส่งออกดี ปีนี้ลดเงินลงทุน เหลือไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ไม่รุกการซื้อกิจการหรือเทคโอเวอร์ แต่เพิ่มประสิทธิภาพทรัพย์สินที่ลงทุนไปแล้ว เรียนรู้วิกฤตโควิด-19 มุ่งสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 / 2563 มีกำไรสุทธิ 6,111 ล้านบาท เติบโต 43 % จากปีก่อน ดีกว่าที่คาดหวัง และเป็นกำไรที่ดีที่สุดของบริษัท รายได้ 1.38 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10 % โดยยอดขายของกิจการในต่างประเทศ 16 ประเทศ มีสัดส่วน 68 % ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 12 % และกิจการในประเทศ 32 % โต 6 %
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่กำไร “ The Best “ สาเหตุหลักมาจาก โรคระบาดในหมู ASF (African Swine Flu) ที่ประเทศจีน เวียดนาม กัมภูชา ทำให้ปริมาณหมู หายไปจากตลาด 40-50 % ส่งผลให้ราคาหมูสูงขึ้น โดยเฉพาะที่เวียดนาม ราคาหมูปรับตัวขึ้นเกือบเท่าตัว จาก 4-5 หมื่นดอง ขึ้นมา 7 หมื่นดอง / กิโลกรัม ส่วนหมูในไทย ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสในหมู เนื่องจากไทย เป็นผู้เลี้ยงหมู ในฟาร์มขนาดใหญ่และขนาดกลาง มีระบบฟาร์มได้มาตรฐาน ขณะที่ในเวียดนามหรือจีน ผู้เลี้ยงสุกร ขนาดใหญ่มี ไม่เกิน 30 % ที่เหลือเป็นขนาดเล็ก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนรักษา ASF รายย่อยไม่กล้าลงทุน ดังนั้นราคาหมู ยังอยู่ในระดับสูงต่อไป
ประธานคณะผู้บริหาร กล่าวอีกว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจของ CPF ใน 2 ประเทศเท่านั้นคือ อินเดีย ซึ่งยังล็อกดาวน์ประเทศอยู่ กระทบหนักและสหรัฐ โดยกระทบ 2-3 % ของรายได้ต่างประเทศ แต่พอร์ตการลงทุนที่หลากหลายของ CPF ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจโดยรวมได้ โดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ เช่นข้าวโพด ราคาลดลงจาก 2 ปีก่อน หลังจากแหล่งผลิตใหญ่ของโลกคือ สหรัฐและบราซิล ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนัก ตัวกิน 2 ประเทศลดลง แต่ผลิตภัณฑ์เหลือมาก
นายประสิทธิ์ กล่าวถึง แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 มั่นใจดีต่อเนื่อง แม้ว่าเดือนเม.ย. ได้รับผลกระทบจากโควิด 2 สัปดาห์และเดือนพ.ค.เริ่มกลับมาดี เริ่มส่งออกไก่ไปจีน และประเทศสิงคโปร์ ให้ไทยส่งออกไก่และหมูได้
สำหรับแผนการลงทุนปีนี้ ไม่เน้นลงทุนหรือลงทุนน้อยที่สุด ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากก่อนโควิด ตั้งงบลงทุน 2.7-3 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่ลงทุนไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน และลงทุนระบบ เทคโนโลยี แอพพลิเคชั่น ธุรกิจอาหาร ในการส่งสินค้า เช่น การลงทุนฝูงรถมอเตอร์ไซด์ 500 คัน รวมทั้งการระบาดของไวรัสโควิด -19 ทำให้ธุรกิจอาหารแต่ละประเทศ ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมั่นคงของธุรกิจอาหาร มากขึ้น
” ปี 63 นี้ รายได้ยังเติบโตดี เป็นปีที่ดีที่สุดของ CPF จากราคาหมูดีมากผิดปกติ และเริ่มรับรู้กำไรจากบริษัท Hylife ผู้ผลิตหมูเบอร์ 2 ในแคนาดาซึ่งซีพีเอฟ ถือหุ้น 51 % มีกำไร 385 ล้านบาท เรากำลังมองหาโอกาสการขยายธุรกิจในแคนาดาเพิ่ม เป้าหมายลงทุนในสหรัฐ ตั้งเป้า 5 ปี ( 2019 -2023 ) รายได้จากต่างประเทศ มีสัดส่วน 75 % ของรายได้รวม ปัจจุบันทำได้ 68 % คงเป้ารายได้ 5 ปี แตะ 8 แสนล้านบาท ” ผู้บริหาร กล่าว