HoonSmart.com>>สตาร์คฯปักธงใหญ่ติดท็อปเทนโลก ทีมผู้บริหารมีความชำนาญซื้อกิจการแล้วสร้างให้โต ใช้วิศวกรรมทางการเงิน เล็งช้อปธุรกิจต่อเนื่องพลังงาน-โลจิสติกส์ โควิดสร้างตลาดให้ผู้ซื้อ แต่ไม่รีบร้อน แนวโน้มไตรมาส 2 กำไรโตต่อเนื่อง
นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า บริษัทจะเติบโตอีกมากในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี2563-2567) โดยโตธรรมชาติจากธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และการซื้อ การควบรวมกิจการ ธุรกิจเทิร์นอะราวด์ สร้างซัพพลายเชนยิ่งใหญ่ยิ่งสำคัญ
บริษัทต้องมีมาร์เก็ตแคปใหญ่ มีแผนที่จะกระจายหุ้นให้กองทุนเข้ามามากขึ้น เคล็ดลับการเติบโตเป็นการใช้วิศวกรรมทางการเงิน(Financial engineering)
“การซื้อการควบรวมกิจการยังมีอีกมาก และโอกาสค่อนข้างสูง ไอบีมีสินทรัพย์เข้ามาให้เราพิจารณาเรื่อยๆ โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดเป็นตัวเร่ง อีกไม่นานจะเป็นตลาดของผู้ซื้อ การช้อปปิ้ง ไม่ใช่ตลาดของผู้ขาย แต่จังหวะ ไม่มี ไม่ต้องรีบ จังหวะมี ก็ต้องรอบคอบ การซื้อกิจการเราจะโยงให้เป็น Wisdom ผู้บริหารมีความชำนาญซื้อกิจการ ทำให้โต และให้ได้ผลตอบรับตามแผนที่วางไว้ มิติช่วยกันโต ยังมีศักยภาพในการออกไปต่างประเทศอีกเยอะมาก เรามองโอกาสทั้งโลก กำลังซื้อจะเบ่งบาน เช่น เมืองจีน ไทยและสหรัฐ เข้าสู่สังคมผุ้สูงอายุ มีเงินทอง ดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ธุรกิจบางอย่างเราไม่ทำเอง มองหาพันธมิตร เช่นเรื่องการจัดเก็บพลังงาน แบตเตอรี่ เพราะเทคโนโลยีวิ่งตลอดเวลา ต้องอาศัยความสามารถ และขนาดใหญ่มาก ไม่เหมาะกับเรา”นายชนินทร์ กล่าว
บริษัทไม่ได้เน้นการลงทุนแค่ในประเทศไทย ที่มีโอกาสทางธุรกิจจากโครงการเมกะโปเจกต์ โครงการใน EEC บริษัทมีการลงทุนหลากหลายประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และบริหารอัตราแลกเปลี่ยนตามธรรมชาติ เพราะในขณะบางประเทศอาจยังอยู่ในช่วงขาลง แต่บางประเทศกลับเติบโต สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจตลอด
ประธานกรรมการกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสายไฟใหญ่ติดอันดับหนึ่งในอาเซียน บวกออสเตรเลีย อันดับที่ 13 ของโลก และจะถึงอันดับ 9 เพิ่งไปซื้อที่เวียดนาม ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ตลาดโลกยังใหญ่มากในแอฟริกา สหรัฐอเมริกา มีฐานลูกค้าที่แข็งแรงเป็นผู้ค้าระดับประเทศ และระดับโลก เช่น ซีเมนต์ สตาร์คฯเป็นเพียงบริษัทเดียวที่เป็นพันธมิตรกับดูไบ เคเบิ้ล บริษัทใหญ่ในประเทศไทย เป็นลูกค้าทั้งนั้น เช่นบริษัท ท่าอากาศยานไทย(AOT) บริษัทไออาร์พีซี(IRPC) บริษัทปูนซิเมนต์ไทย รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่
ส่วนธุรกิจโลจิกติกส์(น้ำมันและแก๊ส)ดูแลลูกค้ารายใหญ่ อาทิ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ( PTTEP) และ เชฟรอน สตาร์คฯยังมีโอกาสในการซื้อกิจการเข้ามาเรื่อยๆ เช่น พลังงานทดแทน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 110% และไตรมาส 2 จะเติบโตต่อเนื่อง รับรู้รายได้จาก บริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล (TCI) และกิจการสายไฟประเทศเวียดนาม (Thipa) ที่เพิ่งซื้อเข้ามา ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือรอรับรู้ (backlog) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท