ดัชนีเชื่อมั่นมองหุ้นดีขึ้น เป้า 1,400 จุด ยกกลุ่มอาหารเครื่องดื่มน่าสน

HoonSmart.com>>สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาในเกณฑ์ทรงตัว หลังซบเซามานาน  หากกำไรบจ.ไตรมาส 1/63  ลดลง 30%  กระทบมาร์เก็ตแคปไม่มากแล้ว  มองเป้าสูงถึง 1,400 จุด เล็งชงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเสนอคลัง ส่วนตราสารหนี้คาดการประชุมกนง.เดือนพฤษภาคม มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบาย 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน พ.ค.2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว หลังจากปรับตัวลงซบเซาติดต่อกันสามเดือน เพราะนักลงทุนคาดหวังนโยบายภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการเติบโตของเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว รวมถึงการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ  และการไหลเข้า-ออกของเงินทุน รวมถึงความกังวลหากโควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดรอบสอง

ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ก.ค.63) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”  (ช่วงค่าดัชนี 80 – 119) เพิ่มขึ้น 42% มาอยู่ที่ระดับ 80.40  ส่วนนักลงทุนรายบุคคล บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มสถาบันไทยเพิ่มขึ้นอยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral)  ขณะที่ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในโซนซบเซา (Bearish)

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) หมวดที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นในระยะสั้นจะ Sideway อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยยังคงต้องติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าจะมีรอบ 2 หรือไม่ และหากเกิดขึ้นสถานการณ์จะไม่เลวร้ายมากแล้ว นอกจากนี้ยังต้องติดตามว่าการใช้ชีวิต New Normal จะเป็นอย่างไร และจะกระทบในส่วนไหนบ้าง  เชื่อว่าดัชนีหุ้นจะไม่มีจุดต่ำสุดรุนแรงมากเหมือนกับช่วงที่ดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 1,000 จุดแล้ว  มองว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ปัจจุบันที่ลดลง 3.2 ล้านล้านบาท หากประเมินว่ากำไรบจ.จะลดลงราว 30% จากปีก่อน  มาร์เก็ตแคปควรจะลดลงเพียง 3 แสนล้านบาท ส่งผลให้มองว่า downside risk ไม่มากแล้ว

“ปีนี้เรามอง upside ที่ราว 1,400 จุด แม้ว่าระดับ P/E ไม่ต่ำแล้วก็ตาม  แต่ก็เหมือนประเทศอื่นๆ ด้วยสภาพคล่องล้นทั่วโลก อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การจะเข้ามาลงทุนก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้  “นายไพบูลย์ กล่าว

นอกจากนี้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยอยู่ระหว่างจัดทำแบบสอบถามไปยังบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ บริษัทจัดการลงทุน เพื่อรวบรวมความคิดเห็นถึงแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก่อนที่จะมีการประชุมของ FETCO หลังจากนั้นจะนำข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาและแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตลอดจนเรื่องอื่นๆ ให้กับกระทรวงการคลังได้พิจารณาต่อไปด้วย

ด้านนางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย เดือนพ.ค. 63 สะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่าการประชุม กนง. ในเดือนพ.ค. อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับ 0.75% จากปัจจัยหลักเรื่องเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มติดลบ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่ลดลง และ การไหลออกสุทธิของกระแสเงินลงทุนต่างชาติ

ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปีและ 10 ปี ในรอบการประชุม กนง. เดือนมิ.ย.63 (ประมาณ 10 สัปดาห์ข้างหน้า) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากครั้งที่แล้วมาอยู่ที่ระดับ 42 และ 39 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง ” สะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี และ 10 ปีอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากระดับ 0.7% และ 1.39% ตามลำดับ ณ วันที่ทำการสำรวจ (17 เม.ย. 63) โดยปัจจัยหนุนสำคัญคืออุปสงค์และอุปทานในตลาดตราสารหนี้เป็นหลัก รวมถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก และเงินทุนไหลเข้าออกของต่างชาติ