รายงานพิเศษ : “ศิริยุพา รุ่งเริงสุข” แนะทางชนะทุกวิกฤต

HoonSmart.com>> เวลาช่างผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ “โควิด-19” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และเราได้ใช้เวลาในการปรับตัวกับบรรยากาศล็อกดาวน์มานานเกือบ 2 เดือนแล้ว บางคนถือโอกาสนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้สำเร็จ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรกับชีวิตที่จะเข้าสู่โลกปกติใบใหม่

รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข

รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข ที่ปรึกษาบริหาร บำรุงราษฎร์อะคาเดมี อดีตผู้บริหาร สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการด้านบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ชื่อดังระดับอินเตอร์คนหนึ่ง ได้มองเห็นโอกาสจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพียงแต่เราจะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ สร้างอนาคตด้วยตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าสุภาษิต “ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน” ใช้ได้ตลอดกาล

แต่จะทำอย่างไรที่สามารถพึ่งตัวเองอย่างยั่งยืนได้ ถ้าเป็นรถยนต์ “ต้องยกเครื่องใหม่” ทั้งตัวเอง และองค์กร เพื่อเป็นคนใหม่ บนโลกที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกมิติ อาทิ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

แต่การปรับตัวต้องจัดทำบนสมมุติฐาน และการตั้งโจทย์ใหม่ให้ดี  เชื่อว่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังไม่ดี โควิดอยู่กับเราอีกนาน ตราบใดที่ยังผลิตวัคซีนมาไม่ได้ วิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลง  ที่เห็นชัดเจนคือคนประหยัดมากยิ่งขึ้น  จากการจ้างแรงงานที่ลดลง ผลกระทบจากไวรัสและภัยแล้ง  รวมถึงเงินช่วยเหลือจากรัฐจะหายไป ตอนนี้คนเอาเงินออมมาใช้ ธุรกิจจะต้องแข่งขันกันเองมากขึ้น แนวโน้มราคาสินค้าจะปรับขึ้นไม่ได้…

โดยเราจะต้องเริ่มต้นจากตัวเองก่อน ต้องประเมินให้ได้ว่ามีคุณค่าเท่าไร มีความสามารถอะไรบ้าง สอดรับกับสิ่งที่ตลาดต้องการหรือไม่ หากไม่ได้ จะต้องรีบเปลี่ยนแปลง  อย่าถือตัว ขอให้พร้อมเรียนรู้กับทุกๆเรื่อง เมื่อชีวิตเลือกไม่ได้ จะต้องทำหลายอย่าง โลกที่กว้าง จะเป็นการปฎิวัติการศึกษา และชีวิตของตัวเราในระยะยาว

เราอย่ามัวรอเวลาให้สถานการณ์กลับมาคลี่คลายก่อน ถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถึงเวลานั้นคงวิ่งไม่ทันคนอื่น

ควรใช้ช่วงรอยต่อ ลุกขึ้นมาติดอาวุธทางปัญญา แต่จะต้องคิดใหม่และทำตัวใหม่  เหมือนเดิมใช้ อีกต่อไปไม่ได้แล้ว

แต่ก่อนที่จะออกสตาร์ท จะต้องประเมินทิศทาง ความต้องการให้ออกก่อน เพื่อเพิ่มความสามารถ (skill) และต้องยอมรับกับแนวโน้มการจ้างแรงงานที่จะลดลง

รูปแบบทางรอด

ต้องรวมกลุ่มกัน เพื่อช่วยกันทำหากิน สร้าง”ระบบอีโคซีลเต็มในระดับล่าง” ทำงานเป็นทีม สร้างเป็นแม่น้ำที่แตกสาย เพื่อเฉลี่ยผลกำไร เฉลี่ยความเสี่ยง เพิ่มแรงงาน ซึ่งในต่างประเทศมีตัวอย่างมากมายที่มีการรวมกลุ่มกันทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ เราต้องมองหาอาชีพเสริม ต้องมีรายได้ประจำ จากอะไรก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องทำงานประจำ ต้องสร้างแบรนด์ตัวเอง ที่สำคัญต้องมีการบริหารเงินที่ดี เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต เราต้องพร้อมตั้งรับกับทุกสถานการณ์ เชื่อว่าจากประสบการณ์ครั้งนี้ จะช่วยทำให้การปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับคนที่มีความรู้ต่ำ อย่ากลัว อย่าคิดว่าไม่จบมหาวิทยาลัย แล้วจะเอาชีวิตไม่รอด ในอนาคตไม่จำเป็นต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเรียนอีกต่อไปแล้ว เพราะความต้องการเปลี่ยนไปมาก ทำอะไรจะต้องมีมูลค่าเพิ่ม ถ้าเป็นมนุษย์การตลาดจะต้องทำการตลาดออนไลน์ เหมือนที่ปรากฎขึ้นในช่วงสถานการณ์”โควิด” การขายสินค้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ต่างใช้เครื่องมือการตลาดใหม่ๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ  รวมถึง 5G ที่กำลังจะมาถึงอย่างเต็มรูปแบบ แต่หัวใจหลักของการทำการตลาดยังคงต้องตอบสนองความต้องการอย่างแม่นยำ รวดเร็ว  ราคาเหมาะสม

ส่วนผู้ที่มีอาชีพอิสระ ก็ยังเป็นที่ต้องการอีกมาก คือ คนดูแลคนแก่ และเด็กขาดแคลน รายได้สูง  1.8-2 หมื่นบาท/เดือน ด้านกายภาพ ผู้ช่วยพยาบาล เข้าฝึกอบรมไม่ยาก พนักงานทำความสะอาด ก็เป็นที่ต้องการมาก ไม่ใช่เพราะเกิดโรคระบาด  แต่เกิดจากความต้องการที่แท้จริง

ทางด้าน ” องค์กร”  ก็ต้องปรับตัวมากเช่นเดียวกัน  ตอนนี้ต้องฉวยโอกาส ตรวจสุขภาพ เช่น ที่ผ่านมาบริหารการเงินดีหรือไหม สภาพคล่องเป็นอย่างไร รวมถึงการปรับสต๊อกสินค้า จะต้องปรับโครงสร้างให้เข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนการดำรงชีวิต เดิมเคยมุ่งผลิต ทำงานในที่ทำงานมาก จะต้องไป ดูแลอีคอมเมิกซ์ ให้ความสำคัญกับเรื่องโลจิสติกส์ นับเป็นหัวใจ และเป็นเรื่องใกล้ตัวกับการทำธุรกิจบนโลกใบใหม่ ผู้บริหารที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ จะต้องศึกษาข้อมูล หรือไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในโลกไร้พรมแดน

“องค์กรต้องลดขนาด รีดไขมันออก แต่อย่าใช้การรัดเข็มขัด จะต้องอ่านการเปลี่ยนแปลงของตลาดให้ออก ต้องฉวยโอกาส ไม่ใช่หลบอยู่ที่กำบังแล้ว ไม่ทำอะไรเลย เป็นช่วงอุดรู่รั่วทุกอย่าง คน และเทคโนโลยีต้องทำให้สปีดเร็วขึ้น องค์กรจะต้องฟีด พร้อมออกเครื่องทันที  จะต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ไม่ทำธุรกิจแบบดั้งเดิม เชื่อว่าทุกธุรกิจจะต้องเปลี่ยนแปลง เช่น ธนาคารในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเทคโนโลยี เชี่ยวชาญทางการเงิน  ”

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหาทางโบยบิน หลังจากที่ตกอยู่ในความกลัวและต่อสู้กับสถานการณ์มาพอสมควรแล้ว โลกใบใหม่เปิดโอกาสให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้ตลอดเวลา แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ถูกต้องและการลงมือทำด้วยตัวสองมือของเราเอง