ปตท.สผ. Q1/63 กำไร 8.6 พันลบ. วูบ 30% หั่นงบลงทุน 15-20%

HoonSmart.com>> ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิ 8,612 ล้านบาท ลดลง 30% จากงวดปีก่อน ปรับเป้าปริมาณขายปิโตรเลียมทั้งปีลง 7% จาก 3.91 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เหลือ 3.62 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน พร้อมหั่นงบลงทุน 15-20% จากตั้งไว้ 1.43 แสนล้านบาท รับสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ วิกฤตโควิด-19 หวังรักษาความแข็งแกร่งในระยะยาว

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 8,612.48 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.14 บาท ลดลง 30.98% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12,479.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.03 บาท

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า 8,612 ล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับ 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า 11,620 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 981 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า 38,093 ล้านบาท และมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ 72%

ส่วนรายได้รวมจำนวน 1,771 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า 55,335 ล้านบาท ลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับ 1,841 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า 55,707 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2562 โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 363,411 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 395,028 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการเรียกรับก๊าซธรรมชาติจากโครงการในอ่าวไทยจากผู้ซื้อที่ลดลง

นอกจากนี้ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในไตรมาสนี้ ลดลงมาอยู่ที่ 44.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 48.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสก่อน ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

อย่างไรก็ดี ในไตรมาสนี้ บริษัทมีกำไรจากอนุพันธ์ทางการเงิน 222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่บริษัทได้เข้าทำสัญญาล่วงหน้า ในขณะที่ สามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ระดับ 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ทั้งนี้ บริษัทมีรายจ่ายทางภาษีเงินได้จากผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นายพงศธร กล่าววา ปตท.สผ.เตรียมปรับแผนการลงทุนรับมือกับสถานการณ์จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำ ประกอบกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในประเทศลดลงเป็นอย่างมาก ปตท.สผ. จึงปรับลดการคาดการณ์ปริมาณการขายปิโตรเลียมในปี 2563 เป็น 362,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงประมาณ 7% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 391,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

รวมทั้งปรับลดรายจ่ายการลงทุนของปี 2563 ประมาณ 15-20% จากเดิมที่ตั้งไว้ 4,613 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่า 143,012 ล้านบาท โดยได้พิจารณาตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนและเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป แต่จะยังคงรายจ่ายสำหรับรักษาระดับการผลิตตามสัญญาเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ รวมถึงรายจ่ายเพื่อพัฒนาโครงการที่พร้อมผลิตใน 3-4 ปีข้างหน้า อาทิ โครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 และการเจาะหลุมสำรวจเพิ่มเติมในแหล่งก๊าซ ลัง เลอบาห์ ในแปลงเอสเค 410บี ประเทศมาเลเซีย

“การดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตฯ ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ท้าทาย ความสำเร็จในการปรับลดต้นทุนในอดีตเมื่อครั้งบริษัทเผชิญวิกฤตราคาน้ำมันตกต่ำในช่วง 4-5 ปีที่แล้ว ทำให้ต้นทุนปัจจุบันของบริษัทอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบเคียงกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน อย่างไรก็ตามวิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของราคาน้ำมัน แต่เป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง การมุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของบริษัทคงไม่ใช่แค่เพียงการปรับลดต้นทุน แต่จะต้องมุ่งเน้นการปฏิรูประบบและพฤติกรรมการทำงานขององค์กร เพื่อให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว และสามารถปรับเปลี่ยนให้ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสะท้อนต่อโครงสร้างต้นทุนของบริษัทในอนาคตที่จะมีความยืดหยุ่น ให้รองรับได้ทุกสถานการณ์” นายพงศธร กล่าว

ทั้งนี้ ปตท.สผ. มีผลิตภัณฑ์หลักร้อยละ 70 เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีการกำหนดปริมาณรับซื้อขั้นต่ำไว้แล้ว และกำหนดราคาขายในหลายโครงการกับคู่สัญญาไว้แล้ว โดยโครงสร้างราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท.สผ.ผูกกับราคาน้ำมันส่วนหนึ่งและย้อนหลังประมาณ 6-24 เดือน ส่วนของน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณการขายประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณการขายทั้งหมด อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงด้านราคาในปีนี้ไว้แล้วบางส่วน