SHREIT เผย LT Rubicon เสนอซื้อโรงแรม 3 แห่งในตปท. มูลค่า 3.8 พันลบ.

HoonSmart.com>> ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ‘สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ รับทราบคำเสนอซื้อจาก LT Rubicon Limited สำหรับสินทรัพย์ของกองทรัสต์ฯ ในต่างประเทศ 3 แห่ง โรงแรมระดับ 3-5 ดาวในภูมิภาคอาเซียน มูลค่า 3.8 พันล้านบาท พร้อมแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ประเมินราคา ชี้สินทรัพย์มีคุณภาพสูง

คริสตอป วายบี แองเจโล่ ฟอซิเนสติ

นายคริสตอป วายบี แองเจโล่ ฟอซิเนสติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด (SPI) ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ‘สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ SHREIT SHREIT เปิดเผยว่า กองทรัสต์ SHREIT ได้รับทราบคำเสนอซื้อหุ้น 100% ของบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited (SHH) และบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited 2 (SHH2) ที่กองทรัสต์ SHREIT ถือหุ้น 100% จาก LT Rubicon Limited ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ LT Land Limited ที่ราคา 118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,795.82 ล้านบาท

ทั้งนี้ อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ 17 มี.ค.2563 อยู่ที่ 32.168 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าสุทธิต่อหน่วยโดยประมาณ 6 – 6.30 บาท (ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น มูลค่าหนี้คงค้าง, อัตราแลกเปลี่ยน, ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงาน ณ วันที่ทำธุรกรรม ฯลฯ)

ปัจจุบัน SHH มีสินทรัพย์ในต่างประเทศรวม 3 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3-5 ดาวในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้การบริหารจัดการของกองทรัสต์ฯ ประกอบด้วย โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ระดับ 5 ดาว จำนวน 317 ห้อง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, โรงแรม Capri by Fraser ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 175 ห้อง และโรงแรม IBIS Saigon South ระดับ 3 ดาว จำนวน 140 ห้อง ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม บริหารจัดการโดยเครือข่ายโรงแรมมืออาชีพ ซึ่งมีคุณภาพเป็นที่รู้จักในระดับสากล

ทั้งนี้ กองทรัสต์ฯ จะแจ้งแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ถึงการรับทราบคำเสนอขายดังกล่าวในที่ประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT ประจำปี 2563 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 เม.ย.2563

อย่างไรก็ตามคาดว่ารายงานความเห็นของ IFA จะแล้วเสร็จภายใน 4 สัปดาห์หลังการประชุมสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ และหลังจากนั้นจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) เพื่อขอมติอนุมัติจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ในลำดับต่อไป