HoonSmart.com>> หุ้นปักหัวลงแรง 20 จุด บล.ไทยพาณิชย์คาดยังปรับขึ้นต่อได้ ดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1,245 และ 1,235 จุด นักเก็งกำไรแนะเล่นจบในวัน ซื้อลงทุนรอตลาดพักฐาน เชียร์ BAM-AMATA-SCC-CPF ส่วนราคาน้ำมันดิบไหลลง หนุนปิโตรฯน่าสนใจ ราคาถูก ฟื้นตัวเปราะบาง แนะนำซื้อ IVL เป้าหมาย 30 บาท บล.ยูโอบี เคย์เฮียนให้ราคา IVL 33 บาท SCC 410 บาท บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ IVL -SCC-PTTGC

ตลาดหุ้นวันที่ 15 เม.ย.ปรับตัวลงแรงวันแรกในรอบสัปดาห์ ดัชนีปิดที่ 1,236.10 จุด -20.25 จุด หรือลดลง 1.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69,418 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 3,331 ล้านบาท สถาบันไทยซื้อ 1,466 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อ 3,187 ล้านบาท
บล.ไทยพาณิชย์ออกบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงแรง มีแนวรับ 1,245 และ 1,235 จุดตามลำดับ แต่หากไม่ต่ำกว่า คาดว่าดัชนียังปรับขึ้นได้ต่อ เนื่องจากตลาดตอบรับเรื่องโควิดคลี่คลาย และแนวโน้มกลับมาเปิดเมืองได้บางส่วนเร็ว ๆนี้ แนวต้านถัดไปที่ 1,270-1,290 บริเวณใกล้ 1300 จุด ให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไร
กลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้นยังคงเน้นเล่นให้จบในวัน ส่วนการซื้อลงทุน รอดัชนีพักฐานก่อน ทยอยลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัวลงในหุ้นที่พื้นฐานรองรับ เช่น BAM ยังมีโอกาสปรับขึ้นจากรายได้ภาษีรอตัดบัญชีกว่า 5,800 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนปันผลที่ดี AMATA ยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ ส่วน SCC และ CPF มองข้ามไปยังไตรมาส 3 งบจะโตเด่น ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูง ยังแนะนำให้เเลือกซื้อในลักษณะ DCA ผสมผสาน 5 หุ้นธุรกิจผู้นำ คือ BDMS, BEM ,BTS ,CPF, MINT และ5 หุ้นราคาถูกกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ได้แก่ AMATA, DIF,PTTGC,SCC และ WHAUP
ก่อนหน้านี้ บล.ไทยพาณิชย์ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติเพิ่มสถานะการถือครองในหุ้นกลุ่มวัฎจักร เช่น เทคโนโลยี, วัสดุก่อสร้าง,การเงิน และมีการลดการถือครองในหุ้นกลุ่มเชิงรับ อย่างสินค้าจำเป็น ปัจจัย 4 , การแพทย์, ไอซีที สะท้อนภาพการเตรียมสําหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
“ไม่แนะนำให้ไล่ราคาหุ้นที่มีการฟื้นตัวแรง กลุ่มที่มีเบต้าสูง อย่าง อสังหาริมทรัพย์,ปิโตรเคมีและพลังงาน แนะนำให้สะสมหุ้นที่มีการฟื้นตัวช้ากว่า เช่นกลุ่มอาหาร และวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปเล่นกลุ่มที่ยังไม่ฟื้น อย่าง กลุ่มโรงพยาบาล ธนาคารพาณิชย์ อิเล็กทรอกนิกส์ ยังสามารถคาดหวังการฟื้นตัวในระยสั้นได้และยังไม่สะท้อนภาพการฟื้นตัว รวมถึงกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ REIT ให้เน้นที่เงินปันผลเป็นสำคัญ”บล.ไทยพาณิชย์ระบุ
สำหรับการฟื้นตัวของราคาหุ้นปิโตรเคมี บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ในระยะสั้นยังคงเปราะบาง แม้มูลค่าถูก ดูน่าสนใจ ยังคงมุมมองระมัดระวัง คาดว่าผู้ผลิตที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบจะได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่แข็งแกร่งขึ้น แม้ราคาผลิตภัณฑ์ยังอ่อนแอ แนะนำซื้อ IVL ราคาเป้าหมาย 30 บาท PTTGC ให้น้ำหนักเท่ากับตลาด เป้าหมาย 44 บาท และ GGC 11 บาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มปิโตรฯปรับตัวดีขึ้น จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ซึ่งราคาหุ้นลงมาพอสมควรแล้วจนเป็นที่สนใจของนักลงทุนในช่วงนี้
“หุ้นที่ได้ประโยชน์จากพลังงานเช่น SCC , IVL,PTTGC , VNT , IRPC แต่แนะนำเลือกรายตัว บางบริษัทบันทึกขาดทุนจากสต็อกเช่น PTTGC และIRPC ยังไม่ค่อยน่าสนใจ โดยแนะนำหุ้น IVL มูลค่าเหมาะสม 33 บาท ผลประกอบเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 1 จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น และปี 2563 ไม่มีการตั้งสำรองต่างๆ และให้มูลค่าหุ้น SCC ที่ 410 บาท หลังจากราคาน้ำมันลงแรงๆ ผลประกอบการไตรมาสถัดมาจะปรับตัวดีขึ้น”นายกิจพณกล่าว
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมของกลุ่มปิโตรฯจะฟื้นตัวในช่วงในไตรมาส 2 จากไตรมาส 1 ยังฟื้นตัวแบบอ่อนๆ ช่วงนี้มีปัจจัยบวกส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น แนะนำ IVL เป็นหุ้นเด่น ผลประกอบดีตั้งแต่ไตรมาส 1 ให้แนวรับที่ 26 บาท และแนวต้านที่ 30 บาท รองลงมาให้หุ้น PTTGC แม้ว่าไตรมาส 1 อาจจะฟื้นตัวไม่ดีมากนัก แต่ในช่วงไตรมาส 2 จะเริ่มฟื้นตัว ให้แนวรับที่ 36.5 บาท และแนวต้าน 40 บาท มองว่าราคาอาจจะปรับสูงขึ้นกว่านี้ได้อีก โดยตลาด ให้ราคาเป้าหมายที่ 40 บาท
สำหรับ SCC ที่ได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันลดลง และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ความน่าสนใจอยู่ที่รอโครงการลงทุนภาครัฐออกมา หลังโควิด-19 หาย และโครงการเดิมก็ไม่ได้ล่าช้าไปมาก ความต้องการที่ต้องใช้ปูนซีเมนต์จะกลับมา รวมถึงยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ให้ราคาเหมาะสมที่ 380 บาท หรือมีโอกาสปรับขึ้นถึงประมาณ 15%

