โดย…วศิน วัฒนวรกิจกุล
กรรมการผู้จัดการ กองทุนบัวหลวง
กองทุนบัวหลวงนำข้อมูลพอร์ตลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ทั้งหมด 4 กองทุนที่มีอยู่มาเปิดเผยให้ผู้ลงทุนได้รับทราบชัดเจน ประกอบด้วย กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY) กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) รวมถึง กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (BFRMF) เพื่อให้ผู้ลงทุนสบายใจได้ว่า เงินที่นำมาลงทุนผ่านหน่วยลงทุนกองทุนรวมเหล่านี้ นำไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูง และมีคุณภาพ
เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ลงทุนอีกระดับหนึ่ง คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กองทุนบัวหลวง ให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพอร์ตลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้เหล่านี้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ในช่วงเวลาที่ตลาดอ่อนไหวกับโควิด-19
คุณวศิน อธิบายว่า โดยภาพรวมแล้ว ทางเลือกการลงทุนในบ้านเราก็อาจจะไม่ได้มีมากนัก ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน บางคนต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่หากว่า จะให้ไปลงทุนในหุ้น ก็อาจจะยังไม่กล้ายอมรับความเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้น กองทุนตราสารหนี้ก็ยังเป็นทางเลือกในการลงทุนอยู่ เพราะหากว่า การฝากเงินไว้กับธนาคารเพียงอย่างเดียวนั้น มีความปลอดภัยก็จริงอยู่ แต่ว่า ดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก อย่างไรก็ดี กองทุนตราสารหนี้ของกองทุนบัวหลวงที่มีอยู่ ก็ล้วนแต่มีพอร์ตการลงทุนที่เข้มแข็งมาก ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจึงสามารถลงทุนได้
กรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อว่า หากพิจารณาเฉพาะพอร์ตลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ ที่เป็นกองทุนเปิดทั่วไป ซึ่งมีทั้งหมด 3 กองทุน จะพบว่า ความเสี่ยงแตกต่างกันไป โดยกองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY) ในพอร์ตลงทุนมีแต่ตราสารหนี้ของภาครัฐและเงินฝาก ซึ่งมีอายุเฉลี่ยของตราสารในระยะสั้นๆ สามารถใช้เป็นช่องทางพักเงินได้ อีกทั้งระดับความน่าเชื่อถือก็ไว้ใจได้มากที่สุด เพราะว่าสะท้อนถึงฐานะการเงินของประเทศ
สำหรับ กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝากเป็นส่วนใหญ่ มีตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศอยู่บ้าง แต่ก็เป็นส่วนที่น้อยมากๆ และที่สำคัญยังเป็นตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ A+ ขึ้นไปอีกด้วย รวมทั้งอายุเฉลี่ยของตราสารก็สั้นๆ ดังนั้น ความผันผวนของอัตราผลตอบแทนในตลาดจึงต่ำ ก็สามารถลงทุนได้เช่นกัน หากเมื่อไหร่ต้องการใช้เงิน ก็ขายออกไปได้ แต่เมื่อไม่ได้ใช้เงิน ก็นำมาซื้อกองทุนนี้ได้
ในขณะที่ กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) อาจจะเสี่ยงมากขึ้นอีกหน่อย เพราะว่า ลงทุนทั้งตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ โดยอายุเฉลี่ยตราสารจะยาวขึ้นเล็กน้อย แต่ว่า พอร์ตลงทุนนี้ ก็ถือว่า มั่นใจได้เช่นกัน เนื่องจากตราสารหนี้ภาคเอกชนที่กองทุนนี้ถืออยู่ เกือบทั้งหมดมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A ขึ้นไปทั้งสิ้น หรือระดับ Investment Grade ดังนั้น ถ้าผู้ลงทุนสามารถแบ่งเงินมาลงทุนได้ในระยะยาว ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป กองทุน BFIXED ก็น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า B-TREASURY และ B-TNTV แต่แน่นอนว่า ความเสี่ยงและผลตอบแทนก็ไปเคียงคู่กัน
“การคัดสรรตราสารหนี้ของเราเข้ามาในกองทุนตราสารหนี้ทั้ง 3 กองนี้ จะคัดสรรอย่างดี พิถีพิถัน และระมัดระวัง ดังนั้น ผู้ลงทุนก็ไม่ต้องกังวล สบายใจได้” คุณวศิน กล่าว
คุณวศิน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากกองทุนตราสารหนี้ 3 กองทุนที่กล่าวมาแล้ว ในช่วงเวลานี้จนถึงวันที่ 30 มีนาคม กองทุนบัวหลวงกำลังเสนอขาย IPO กองทุนเปิดบัวหลวงเพิ่มพูน หรือ B-ENHANCED อยู่ด้วย โดยเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้เช่นกัน โดยกองทุนนี้จะลงทุนทั้งในตราสารหนี้ในและต่างประเทศ โดยที่ผลตอบแทนของ B-ENHANCED เราตั้งใจว่า จะทำให้ได้มากกว่า BFIXED ที่มีอยู่ เพียงแต่ว่า ความเสี่ยงก็คงจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อถามว่า ผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ก็ต้องอธิบายว่า B-ENHANCED ลงทุนได้ทั้งตราสารหนี้ในและต่างประเทศ ขณะที่ ระยะเวลาหรืออายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุนก็จะมากกว่า BFIXED แน่นอนว่า อัตราผลตอบแทนย่อมมากกว่า แต่ความผันผวนก็มากกว่าเช่นกัน ในส่วนต่อมา คือ ขอบเขตของอันดับความน่าเชื่อถือตราสารที่ลงทุนได้ B-ENHANCED ก็อาจจะลงทุนในตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถือแตกต่างจาก BFIXEDโดยการลงทุนของ BFIXED จะค่อนข้างระมัดระวังแบบ Conservative ส่วนกองทุน B-ENHANCED ก็จะลงทุนที่น่าดึงดูดใจขึ้นมาอีกนิด
“เมื่อกรอบการลงทุนของ B-ENHANCED กว้าง หมายความว่าโอกาสเราก็มีมาก แต่ถามว่า เราจะเลือกลงทุนอะไร เรายังมั่นใจวิธีการคัดเลือก วิธีคิด หรือว่า ปรัชญาการลงทุนของกองทุนบัวหลวง ที่ไปเลือกลงทุน แม้จะเสี่ยงขึ้นมาบ้าง แต่ก็กลั่นกรองแล้ว พิจารณาดีแล้ว จึงสามารถลงทุนได้” คุณวศิน กล่าว
พร้อมกันนี้ คุณวศิน ฝากแนวคิดดีๆ ไว้ว่า ถึงอย่างไร ตราสารหนี้ก็ยังเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ลงทุน โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นเช่นนี้ สำหรับคนที่ไม่อยากจะรับความเสี่ยงมาก ก็อาจจะต้องกลับมามองตราสารหนี้ ขอเพียงเข้าใจว่า ตัวของเราจะสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน อยากได้อะไร และรู้ว่า สิ่งที่ซื้อ คืออะไร ปลอดภัย หรือว่าเสี่ยงหน่อย ตัวเองจะยอมรับได้ไหม จากนั้น ก็จัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสม แล้วมาลงทุนในระยะเวลาที่ยาวมากพอ เพียงเท่านี้ ก็คิดว่า B-ENHANCED, BFIXED, B-TNTV หรือว่า B-TREASURY ก็ยังสามารถลงทุนได้ เพราะพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ของกองทุนบัวหลวง เน้นคัดสรรสินทรัพย์ที่ดี ปลอดภัย ผู้ลงทุนจึงมั่นใจ ทั้งหายห่วงและสบายใจได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต