โบรกฯ หั่นเป้าหุ้น MAJOR ปิดโรงหนังสกัดไวรัสฉุดกำไร แนะ “ถือ” ปันผลดี

HoonSmart.com>> บล.ทิสโก้ ปรับราคาเป้าหมาย MAJOR จาก 24.50 บาท เหลือ 17 บาท หลังปิดโรงหนังชั่วคราวสกัดโควิด-19 กระทบกำไร ยังแนะนำ “ถือ” ชูจ่ายปันผลสูง บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดครึ่งปีหลังกำไรฟื้น ปันผลปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6% แนะ “ถือ”

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MAJOR (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป) เช้าวันที่ 18 มี.ค.2563 ปรับตัวลงสวนตลาดรวม ณ เวลา 11.36 น. อยู่ที่ 13.00 บาท -1.20 บาท หรือ -8.45% มูลค่าการซื้อขาย 46.58 ล้านบาท จากราคาเปิด 13.90 บาท ขยับสูงสุดแตะ 14.00 บาทและลงไปต่ำสุด 12.80 บาท

บริษัทหลกทรัพย์ทิสโก้ มองผลกระทบ COVID-19 ต่อ MAJOR มากกว่าคาดเดิม ซึ่งจากการประชุมนักวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2563 ผู้บริหาร MAJOR เห็นชอบมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ของภาครัฐฯ ด้วยการประกาศให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ปิดชั่วคราว 14 วัน ตั้งแต่ 18-31 มี.ค.2563 สำหรับบริษัทมีแผนมาตรการรองรับในส่วนการลดค่าใช้จ่ายและต้นทุน และยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องสม่ำเสมอ

บล.ทิสโก้ ปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2563-2563 ลดลงจากเดิม -55% และ -31% มาอยู่ที่ 449 ล้านบาท (-62% จากปีก่อน) และ 822 ล้านบาท (+83%YoY) ตามลำดับ จากคาดรายได้รวมปี 2563 ลดลง -51% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 5,280 ล้านบาท จากการคาดคนดูเฉลี่ยลดลง -50% มาอยู่ที่ 24 ล้านคน จากเศรษฐกิจที่ซบเซา การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ในช่วงต้นปี-ปัจจุบัน คนดูหนังลดลง 40% บริษัทมีแผนเลื่อนฉายภาพยนตร์ Holly wood หลายเรื่องได้แก่ Fast & Furious, Mulan เป็นต้น ไปในช่วงครึ่งปีหลังจากการคาดสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น รวมถึงได้วางแผนควบคุมลดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากการเจรจาต่อรองค่าเช่า การลดจำนวนพนักงานชั่วคราวลงประมาณ 600 คน และลดจำนวนวันทำงานพนักงานประจำลงเพื่อลดภาระต้นทุนเพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่ส่งผลต่อความกังวลของผู้บริโภคและภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ MAJOR ในปีนี้บล.ทิสโก้คาดลดลง 62% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีหน้าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและเติบโตได้ 113% โดยยังคงแนะนำ “ถือ” รอรับเงินปันผล คาด Dividend Yield 20F ที่ 3.7% และปรับราคาเป้าหมายใหม่สะท้อนการปรับประมาณการอยู่ที่ 17.00 บาท ลดลงจากเดิมอยู่ที่ 24.50 บาท พี/อี อยู่ที่ 28 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาพี/อีอยู่ที่ 27 เท่า

“เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2563-2564 ลดลงจากเดิม โดยคาดปีนี้กระทบมากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกมากกว่าเดิม และคาดแนวโน้มจะเริ่มค่อยๆกลับมาปกติในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 17.00 บาท ลดลงจากเดิม 24.50 บาท”บล.ทิสโก้ ระบุ

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองการหยุดให้บริการส่งผลกระทบกับ MAJOR ไม่มากนัก เพราะโรงภาพยนตร์ราว 70% MAJOR จ่ายค่าเช่าตามสัดส่วนรายได้จากการขายตั๋วหนัง ขณะที่ 30% ของโรงภาพยนตร์มีอัตราค่าเช่าขั้นต่ำ หรือ minimum guarantee อย่างไรก็ตาม MAJOR สามารถเจรจาไม่จ่ายค่าเช่าในสถานการณ์เช่นนี้ โดย MAJOR มีค่าใช้จ่ายหลักคือ เงินเดือนพนักงาน ซึ่งอยู่ที่ราว 60 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2563 มีความเสี่ยงขาดทุน โดยรายได้จากการขายตั๋วเดือนม.ค.2563 ยังทรงตัวจากปีก่อน แต่เดือนก.พ. 2563 รายได้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายเหมือนช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลัง เชื่อว่า หนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายจำนวนมาก และประชาชนจะกลับมาดูหนังตามปกติ ทำให้ผลประกอบการครึ่งหลังของปีนี้จะกลับมามีกำไรโดดเด่น

“เรารอ update สถานการณ์ COVID 19 ก่อนทบทวนประมาณการกำไรปี 2563 อย่างไรก็ตาม MAJOR เป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องเหลือเยอะ โดยมีสัดส่วนหนี้มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.5 เท่า ผู้บริหารมั่นใจจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวด 1H63 จากกำไรสะสมได้ ทั้งนี้ประเมินเบื้องต้น กำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 500 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 0.56 บาท อิง พี/อี 25 เท่า มูลค่าพื้นฐานเบื้องต้นปีนี้อยู่ที่ 14 บาท ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6% อย่างไรก็ตามหากปีหน้า สถานการณ์กลับมาสู่ปกติ มูลค่าพื้นฐานปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ 28 บาท แนะนำ “ถือ” เพื่อรับเงินปันผล และรอสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ”บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุ