โบรกเกอร์จี้ตลาด ใช้ยาแรงคุม “เน็กเก็ตชอร์ต” ตลาดเริ่ม 18 มี.ค.ใช้ซิลลิ่ง-ฟลอร์ 15 %

HoonSmart.com>>โบรกเกอร์จี้ตลาดหลักทรัพย์  คุมเน็กเก็ตชอร์ต สาเหตุทำตลาดหุ้นตกหนัก บังคับฝากใบหุ้นก่อนขายชอร์ตเซล  แฉ  17 มี.ค.ถูกจับตา ไม่กล้าทำ กดวอลุ่มตลาดหายเหลือ 67,129  ล้านบาท “ภากร” ประกาศปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ 15 %  Circuit Breaker เริ่ม 18 มี.ค.-ไม่เกิน 30 มิ.ย. นี้  เป้าหมายทำให้ดัชนีฯปรับตัวช้าลง ลั่นไม่ต้องการปิดตลาด

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงติดต่อกัน พบว่า มีหุ้นขนาดใหญ่บางตัว ถูกเทขายออกมาอย่างหนัก เช่น วันที่ 12 มี.ค. 2563 หุ้น AOT ถูกขาย ออกมา 133 ล้านหุ้น  ซึ่งไม่มีนักลงทุนถือหุ้นจำนวนมากขนาดนี้ น่าจะเป็นการขายหุ้นออกไปก่อน โดยไม่มีใบหุ้น  หรือเน็กเก็ตชอร์ต (Neked Short)

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ น่าจะรู้ว่ามีการทำเน็กเก็ตชอร์ต  และได้ขอร้องโบรกเกอร์บางแห่ง ให้นำหุ้นมาฝากก่อนขาย แต่ไม่มีใครฟัง

” มาตรการของตลาด ไม่ว่าจะปรับเกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ หรือ เซอร์กิต เบรกเกอร์ (Circuit Breaker)  ไม่สามารถหยุดการตกอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นได้ หากยังมี Neked Short และสังเกตได้ว่า ยังมีการทำอยู่  เป็นสาเหตุหลัก ทำให้ตลาดหุ้นตกรุนแรง  ซึ่งตลาดควรเข้มงวดกับการทำชอร์ตเซล ออกกฎให้นำหุ้นมาฝากที่โบรกเกอร์ก่อน ไม่ใช่แค่อ้างว่า มีหุ้นฝากอยู่ที่คัสโตเดียน  ” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวอีกว่า ภาพใหญ่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีความผิดปกติ ซึ่งตลาดที่ตกหนัก ๆ  มากถึง 30% นับตั้งแต่ต้นปี ไม่ได้มาจากบล็อกเทรด หรือการใช้มาร์จิ้น  (สินเชื่อเพื่อการซื้อหลักทรัพย์) แต่มาจากการทำ Neked Short ที่ยังคุมไม่ได้ ตลาดหลักทรัพย์ ต้องใช้บทลงโทษที่รุนแรงขึ้น

“ภาพที่เห็น ต่างชาติ net sell มาตลอด ไม่ได้ถือหุ้นเยอะ แต่หุ้นหลายตัว มูลค่าซื้อขายเยอะมาก ไม่รู้เอาหุ้นจากไหนมาขายได้เยอะขนาดนี้ และที่ตลาดตกหนัก ๆ ไม่ได้มาจากบล็อกหรือมาร์จิ้น ปัจจุบัน ทั้งตลาดบล็อกเทรดหายไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ตลาดหุ้นเริ่มลง ราว 3 สัปดาห์ก่อนแล้ว จริง ๆ ตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น เพื่อไม่ให้สถาบันต่างประเทศ ทำ Neked Short เอาเปรียบนักลงทุน  แม้ว่ามีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือหลายครั้งก็ตาม โบรกเกอร์ทำได้เพียงการตรวจสอบและจับตาพฤติกรรมเอาเปรียบนักลงทุนไทย” แหล่งข่าวกล่าว

ด้านการซื้อขายหุ้น วันที่  17 มี.ค.2563 ตลาดมีความผันผวนสูง ดัชนีขึ้นและลงหลายรอบ แต่ไม่รุนแรงเหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายปิดที่ระดับ 1,035.17 จุด -10.91 จุด หรือ -1.04% แต่มูลค่าการซื้อขายเพียง 67,129.99 ล้านบาท ที่ผ่านมาสูงกว่า 1 แสนล้านบาท/วัน  ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุกต่างชาติต่อเนื่อง 5,426  ล้านบาท  สถาบันซื้อสุทธิ 2,702 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 1,428 ล้านบาทและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อ  1,296 ล้านบาท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้ตัดสินใจปรับหลักเกณฑ์การขึ้น-ลงของราคาสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละวัน (ซิลลิ่ง-ฟลอร์) ในตลาดหลักทรัพย์ จาก 30% เป็น  15% ส่วน Foreign share จากเดิม 60% เป็น 30%  ขณะที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้า จาก 30% เป็น  15%

นอกจากนี้ยังปรับเกณฑ์มาตรการหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว หรือ Circuit Breaker

ระดับที่ 1 จากลดลง 10% เป็น 8% จะหยุดพักการซื้อขาย 30 นาที

ระดับที่ 2 จากลดลง 20% จะหยุดพักการซื้อขาย 60 นาที เป็น 15% หยุดพักการซื้อขาย 30 นาที

และเพิ่มระดับที่ 3 ลดลง 20% จะหยุดพักการซื้อขาย 60 นาที ทั้งนี้ จะมีผลชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.จนถึงไม่เกิน 30 มิ.ย.63

นายภากร กล่าวว่า การปรับเกณฑ์ใหม่เชื่อว่าจะช่วยให้การปรับตัวลงของดัชนีตลาดหุ้นช้าลง โดยไม่มีวัตถุประสงค์ปิดตลาด  และเชื่อว่าเกิดประสิทธิภาพพอสมควรเห็นได้จากวันที่ 17 มี.ค. ดัชนีตลาดหุ้นลดลงเพียง  1% ส่วนตลาดอื่นๆในภูมิภาคมีทั้งปรับตัวลงมาก ลดลงน้อยและปรับตัวขึ้น  จากความผันผวนที่มีค่อนข้างมากและต่อเนื่องของตลาดหุ้นของสหรัฐและยุโรป โดยเฉพาะในช่วงของตลาดหุ้นไทยที่ปิดทำการ

นอกจากนี้การปรับเกณฑ์ในรูปแบบนี้จะช่วยให้นักลงทุนมีเวลาคิดและทบทวน รับข่าวสารใหม่ๆเข้ามา ซึ่งในวันถัดไปข่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ปัจจัยหลักยังมาจากต่างประเทศไม่ใช่ปัจจัยที่เกิดขึ้นในประเทศ การดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์ จึงจะเป็นเพื่อประทังให้มีข่าวดีเกิดขึ้น เพราะปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐาน

นายภากร กล่าวว่า ภาครัฐบาลได้มีการประกาศเกี่ยวกับความช่วยเหลือเรื่องการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ไม่สามารถให้บริษัทจดทะเบียนเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นได้ แต่จะส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นหลีกเลี่ยงการประชุมด้วยตัวเอง โดยแนะนำให้มอบสิทธิแก่ให้ตัวแทนเข้าประชุมแทน เพื่อที่จะพิจารณาอนุมัติงบการเงิน การจ่ายเงินปันผล และเรื่องอื่นๆด้วย