AU ตั้งเป้ารายได้นี้โตไม่ต่ำกว่า 20% เดินหน้าขายเฟรนไชด์-ตั้งบริษัทร่วมทุน เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 25% ภายใน 5 ปี พร้อมเจรจาส่งขนมหวานไปขายในร้านอาหารอีก 2-3 แบรนด์ ขณะที่ “สตาร์บัค” ขอเพิ่มออเดอร์เป็น 11 สาขา ลงสนามแข่งขันตลาดชาเขียว
นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู (AU) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 735 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้ 201 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 67.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อนที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 64.80% แม้ว่าตลาดขนมหวานจะมีแข่งขันสูงมาก และกำลังซื้อในประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซามาก
“รายได้ปีนี้ที่จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จะมาจากจำนวนสาขาที่เพิ่มเป็น 30 สาขาในเดือนมิ.ย. และเพิ่มเป็น 37 สาขาในสิ้นปีนี้ รวมถึงรายได้ค่าแรกเข้าจากร้านแฟรนไชส์ในมาเลเซีย ซึ่งจะมีการเซ็นสัญญาไตรมาส 3 ปีนี้ กำหนดเปิด 15 สาขาภายใน 5 ปี โดยเปิดสาขาแรกไตรมาส 2 ปีหน้า อีกทั้งเราจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขา (SSSG) ไม่ให้ต่ำกว่าปีที่แล้วที่เติบโตระดับ 7.7% แม้ว่าไตรมาสแรกปีนี้ อัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเติบโตเล็กน้อยที่ 1.5% ก็ตาม”นายแม่ทัพกล่าว
นายแม่ทัพ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าหลายรายและในหลายประเทศที่สนใจเป็นลูกค้าแฟรนไชส์ของ AU ทั้งในฮ่องกง จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และประเทศในตะวันออกกลางบางประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยหากตลาดใดที่มีผลตอบรับที่ดีและมีกำลังซื้อสูง บริษัทจะพิจาณาตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อควบคุมคุณภาพอาหาร ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี รายได้จากต่างประเทศจะมีสัดส่วน 25% ของรายได้ทั้งหมด จากปัจจุบันที่มีไม่ถึง 5%
“หากเป็นประเทศที่ใหญ่ เช่น จีน ที่บางมณฑลมีคนเป็น 100 ล้านคน เราจะขายเฟรนไซด์ให้ลูกค้า 2-3 เจ้าต่อมณฑล โดยลูกค้าในแถบเอเชียและตะวันกลางรู้สึกตื่นเต้นกับขนมของ AU ต่างจากยุโรปที่รู้สึกว่าธรรมดา เพราะเขาอบขนมเองได้ เราจึงมุ่งขยายตลาดในแถบนี้ แต่การหาลูกค้าเฟรนไซด์เหมือนกับคนแต่งงานกัน เราจึงพิถีพิถันอย่างมากในการเลือกลูกค้า”นายแม่ทัพกล่าว
ส่วนการส่งขนมหวานของ AU ไปขายที่ร้านสตาร์บัค นายแม่ทัพ กล่าวว่า ตอนนี้มีการจัดส่งขนมไปขายแล้ว 3 สาขา และล่าสุดสตาร์บัคขอให้ AU ส่งขนมหวานเพิ่มอีก 8 สาขา รวมเป็น 11 สาขา อย่างไรก็ตาม รายได้จากการส่งขนมไปขายที่ร้านสตาร์บัคถือว่าน้อยมาก แต่หากในอนาคตทางสตาร์บัคสั่งสินค้าจาก AU ไปขายมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาหลักๆ ก็จะสร้างรายได้ให้กับ AU อย่างมีนัยสำคัญ และ AU อยู่ระหว่างการเจรจาส่งขนมหวานในร้านค้าอีก 2-3 แบรนด์
“ด้วยเชนสาขา AU ที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีและกระจายอยู่ทุกภูมิภาค รวมถึงปริมาณการส่งขนมหวานไปขายในร้านค้าแบรนด์ต่างๆเพิ่มขึ้น เช่น สตาร์บัค รวมทั้งแบรนด์อื่นๆที่อยู่ระหว่างเจรจา บริษัทจึงลงทุนสร้างห้องเย็นเก็บอาหารในพื้นที่บริเวณโรงงานเดิม โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งได้วางเสาเข็มแล้ว และจะใช้เวลาก่อสร้าง 10 เดือนหรือแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า”นายแม่ทัพกล่าว
นอกจากนี้ AU อยู่ระหว่างทดลองสินค้าใหม่ คือ ชาเขียว ซึ่งเป็นสินค้าที่มีตลาดใหญ่มาก โดยเบื้องต้น AU ได้วางขายชาเขียวดังกล่าวในร้านของ AU ก่อน หากผลตอบรับดีจะนำไปขายในห้างโมเดิร์นเทรดทั่วไป