กลุ่มซีพี คว้าเทสโก้ 3.38 แสนล้าน CPALL ถือ 40% CPF ถือ 20%

HoonSmart.com>>กลุ่มซีพี ชนะการประมูล เทสโก้ไทย และมาเลเซีย มูลค่าเบื้องต้น  10,576 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 338,445 ล้านบาท โดย ซีพีออลล์ ถือ 40% ลงขัน 3,000 ล้านเหรียญ หรือ 95,981 ล้านบาท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ลงทุน 20% ใช้เงิน 1,500 ล้านเหรียญ หรือ 47,991 ล้านบาท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง ถือส่วนที่เหลือ 40%   เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางการลงทุน และส่งเสริมให้ธุรกิจของบริษัทมีร้านค้าหลากหลาย สร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ฟินันเซียไซรัสฟันธงซื้อแพงเกินไป P/E  45 เท่า  ทั้งสองบริษัทลั่นไม่เพิ่มทุน

 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง (CPM) ซึ่งซีพีเอฟ ถือหุ้นทั้งหมด 100 % เข้าลงทุนไม่เกิน 20 % ใน 1.บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย ) หรือเทสโก้ ประเทศไทย ซึ่งถือหุ้น 99.99 % ในบริษัท เอก-ชัย ดีส ทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก TESCO LOTUS ในไทย

2. ลงทุนใน เทสโก้ สโตร์ (TESCO STORES) มาเลเซีย ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีก TESCO ในมาเลเซีย

ต่อไป เทสโก้ไทย และเทสโก้ มาเลเซีย รวมเรียกว่า กลุ่มเทสโก้เอเซีย

ทั้งนี้ CPM จะลงทุนผ่าน ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้งส์  ซึ่งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการลงทุน

CPM ลงทุน เทสโก้เอเซีย มีมูลค่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 47,991 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) ผู้ประกอบการร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น (SEVEN-11) คณะกรรมการมีมติเข้าลงทุนไม่เกิน 40 % ในกลุ่มเทสโก้ เอเซีย มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านเหรียสหรัฐ หรือ 95,981 ล้านบาท

รวมการลงทุนของ CPF และ CPALL ทั้ง 2 บริษัท มูลค่า 1.44  แสนล้านบาท นอกจากนี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 40%

มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนที่บริษัทผู้ซื้อตกลงที่จะชำระให้แก่ผู้ขายสำหรับธุรกรรมการลงทุนในกลุ่มเทสโก้เอเชีย ภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น คิดเป็นมูลค่าเบื้องต้น 10,576 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 338,445 ล้านบาท  คำนวณบนสมมติฐานกรณีกิจการไม่มีหนี้สินและเงินสด (a cash and debt free basis)

CPALL ประเมินสัดส่วนของมูลค่ารวมของสินทรัพย์ ที่จะได้มา ประมาณ 4,231 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเท่ากับ 135,378 ล้านบาท) ด้าน CPF คาดจะได้ 2,115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเท่ากับ 67,689 ล้านบาท)คาดว่าการเข้าทำรายการน่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2563 นี้

ประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับกลุ่มซีพี  เป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางการลงทุน และส่งเสริมให้ธุรกิจของบริษัทมีร้านค้าหลากหลาย สร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าการลงทุนในเทสโก้ฯจะส่งเสริมให้บริษัท และผู้ถือหุ้น ได้ประโยชน์หลายประการ เพราะได้ธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยที่มีผลการดำเนินงานดี และรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย ทำให้มีค้าส่ง cash and carry และรูปแบบค้าปลีก (ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ) นอกจากนี้ยังยกระดับการให้บริการแก่ผู้บริโภคที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ด้วยโอกาสธุรกิจเศรษฐกิจสมัยใหม่ และการเข้าซื้อธุรกิจในประเทศมาเลเซียจะเป็นช่องทางในการเข้าสู่ตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ เทสโก้จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการจำหน่ายสินค้าให้กับเอสเอ็มอี เกษตรกร และผลิตภัณฑ์ชุมชน หลังจากที่แมคโคร และเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เข้าไปส่งเสริม สนับสนุนให้สินค้าเอสเอ็มอีสามารถกระจายสินค้าไปสู่คนไทยทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้เศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวว่า ซีพีเอฟมีความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนในเทสโก้เอเซีย เนื่องจากเป็นการต่อยอด Value Chain ของช่องทางการขายสินค้าทั้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ช่วยเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค  โดยบริษัทมีแนวทางในการปรับรูปแบบของการค้าเนื้อสัตว์ให้ผ่านช่องทางที่ทันสมัยสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น จึงมั่นใจว่าการลงทุนในครั้งนี้เป็นโอกาสดีในการที่จะทำให้ผู้บริโภคทั้งสองประเทศมีทางเลือกในการบริโภคเพิ่มขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว

“ยอดขายทั้งของเทสโก้และซีพีเอฟเพิ่มมากขึ้น เพราะเทสโก้เอเซียมีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เชื่อว่าการผนึกกำลังกับเทสโก้เอเซียน่าจะส่งผลเสริมให้ผลการดำเนินงานที่ดีอยู่แล้วนั้นดียิ่งขึ้นได้อีก”นานประสิทธิ์กล่าว

สำหรับ Tesco Lotus ในประเทศไทย  ประกอบด้วยร้านค้ารูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต 214 สาขา ตลาดโลตัส 179 สาขา และ Tesco Express 1,574 สาขา และให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า 191 สาขา (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ส.ค.62)

ขณะที่ Tesco ในประเทศมาเลเซีย มีร้านค้าในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 46 สาขา ซุปเปอร์มาร์เก็ต  13 สาขา และร์านค้าขนาดเล็ก  9 สาขา (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ส.ค.62) ที่ดำเนินการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นหนึ่งในผู้นำในด้านกิจการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าจำนวน 56 สาขา

บล.ฟินันเซียไซรัส วิเคาะห์ว่า ราคาซื้อหุ้นเทสโก้ฯแพง คิดเป็น P/E 45 เท่า บนกำไรของเทสโก้ไทยและมาเลเซียที่ 7,500 ล้านบาท โดยทั้ง CPFและ CPALL จะไม่มีการเพิ่มทุนจดทะเบียน

การลงทุนครั้งนี้หากใช้เงินกู้ยืม ประเมินเบื้องต้น ดอกเบี้ยของ CPALL จะเพิ่ม 6,000 ล้านบาท ขณะที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเทสโก้ 3,000 ล้านบาท ส่วน CPF ดอกเบี้ยเพิ่ม 3,000 ล้านบาท รับรู้กำไรเพียง 1,500 ล้านบาท เท่ากับว่าส่วนแบ่งกำไรจากเทสโก้ ไม่สามารถดูแลดอกเบี้ยได้ และสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ( D/E) ยังเพิ่มทั้งสองบริษัท กลุ่มบริษัทคาดหวัง Synergy และมองการเติบโตของทั้งเครือในระยะยาว แต่ระยะสั้นเป็นลบ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากประชุมด่วนบ่ายนี้

ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ประเมิน CPF  ได้รับผลบวกจากการเข้าลงทุนในกลุ่มเทสโก้เอเชียในระยะยาว จากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าของ CPF ทั้งของสดและอาหารแช่แข็ง ศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต สอดคล้องกับครั้งที่ซื้อกิจการ MAKRO ที่ยอดขายซีพีเอฟ ผ่าน MAKRO โตขึ้น 1 หมื่นล้านบาท/ปี ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง และ การพัฒนาด้าน Food service ในเทสโก้