กลุ่มปตท.ลดสต็อกน้ำมัน บรรเทาขาดทุนไตรมาส 1/63

HoonSmart.com>>กลุ่มปตท.ปรับแผนฝ่าวิกฤตสงครามน้ำมัน ลดสต็อกโรงกลั่นหรือธุรกิจน้ำมันบริหารจัดการเอง   ลดขาดทุนสต็อกในไตรมาส 1ได้ธุรกิจขายไฟฟ้าช่วย ยันกลุ่มยังเดินหน้าลงทุนตามแผน คาดสถานการณ์ชั่วคราว  กองทุนเก็งกำไรพร้อมกลับเข้ามาซื้อใหม่ เศรษฐกิจจะดีขึ้น

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิ่งลงหนักในช่วงนี้ กลุ่ม ปตท.บริหารจัดการแผน ส่วนหนึ่งจะลดสต็อกน้ำมันในส่วนธุรกิจโรงกลั่นหรือธุรกิจน้ำมันบริหารจัดการเอง เพื่อลดผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกน้ำมันที่อาจจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/63 แต่ระยะสั้นทำอะไรได้ไม่มากอะไรไม่จำเป็นก็ลดค่าใช้จ่าย ขณะนี้กลุ่มปตท.เริ่มทำธุรกิจที่ไม่ขึ้นลงกับราคาน้ำมัน เช่น ไฟฟ้า คาดเหตุการณ์ครั้งนี้กระทบโรงกลั่นและปิโตรเคมีแค่ชั่วคราว

ปัจจุบันมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบราคาน้ำมัน และล่าสุดความขัดแย้งในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรในประเด็นการลดกำลังการผลิต ทำให้กลุ่มกองทุนเก็งกำไร เทขายสัญญาน้ำมันออกมา  เหมือนในช่วงปี 2551 จากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และช่วงปี 2557-2558 ที่มีการค้นพบการผลิตจาก shale oil และ shale gas จำนวนมาก อย่างไรก็ตามมองว่าราคาน้ำมันเคลื่อนไหวลักษณะนี้จะเป็นชั่วคราว จะฟื้นกลับขึ้นมาและกองทุนต่าง ๆ ก็จะกลับเข้ามาซื้อใหม่และเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น

นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงระดับ 30-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้หลายประเทศโดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่มีรายได้หลักจากน้ำมันจะอยู่ไม่ได้นาน และต้องปรับตัวเอง แม้แต่ผู้ผลิต shale oil และ shale gas ที่มีต้นทุนอยู่ราว 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  จะต้องลดการผลิตลงมา จะทำให้ราคาฟื้นตัวได้ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคงที่ในจีนและในช่วงจากนี้จนถึงสิ้นปีนี้ก็น่าจะมียารักษาได้ก็จะลดผลกระทบ ได้เช่นกัน

กลุ่ม ปตท.ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ และมองโอกาสการลงทุนมากขึ้นจากตลาดแรงงานที่มีอยู่มาก และค่าเงินบาทที่ยังอยู่ในโทนแข็งค่า

วันที่ 9 มี.ค. ดัชนีหุ้นดิ่งลงแรงกว่า 90 จุด นำโดยหุ้นพลังงานทรุดตามราคาน้ำมันรูดลงกว่า 10% โดย PTT   เปิดที่ 26.75 บาท ก่อนฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 30.25 บาท ติดลบ 7.25 บาท หรือ 19.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 8,999 ล้านบาท และ PTTEP เปิดที่ 76.50 บาท เด้งขึ้นมาเหนือ 80 บาทก่อนถอยกลับไปบริเวณ 79 บาท ติดลบ 27.50 บาทหรือ 25.82% มูลค่าซื้อขาย 4,477 ล้านบาท ณ เวลาประมาณ 11.13 น.