HoonSmart.com>> ก.ล.ต. ส่งเสริมการเสนอขายตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ต่อเนื่อง ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมอนุญาตและไฟลิ่งไปอีก 1 ปี ถึงเดือนพ.ค.2564 และเพิ่มวัตถุประสงค์การใช้เงินครอบคลุมประเทศ CLMV
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 3/2563 วันที่ 5 มีนาคม 2563 มีมติเห็นชอบหลักการในการออกประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นคำขออนุญาตและค่าธรรมเนียมการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ (filing) หรือแบบไฟลิ่ง สำหรับการออกเสนอขายตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน ต่อไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 31 พ.ค.2564
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบให้เพิ่มวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน โดยขยายไปในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการพัฒนาสังคมในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จากปัจจุบันที่กำหนดให้ใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการพัฒนาสังคมในประเทศไทยเท่านั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยมีบทบาทเป็นผู้นำในการยกระดับการพัฒนาตลาดทุนของภูมิภาค รวมทั้งเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อสร้างการเติบโตของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ CLMV
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการเสนอขายตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน จำนวน 6 ราย มูลค่ารวม 40,100 ล้านบาท แบ่งเป็นตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 4 ราย ได้แก่ ธนาคารทหารไทย มูลค่า 1,900 ล้านบาท บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ มูลค่า 5,000 ล้านบาท บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มูลค่า 13,000 ล้านบาท และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม 1 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มูลค่า 7,000 ล้านบาท และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน 1 ราย ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย มูลค่า 3,200 ล้านบาท