BANPU หวังสร้างกำไรปี63 BPP ขายไฟเพิ่ม 451 MW

HoonSmart.com>>บ้านปูมั่นใจปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้น เก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนสหรัฐ ปีนี้ตั้งงบลงทุน 930 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนบ้านปู เพาเวอร์ เปิด COD เพิ่ม 4 แห่ง กำลังการผลิต 451 เมกะวัตต์ เล็งซื้อโรงไฟฟ้า  ขนาดมากกว่า 300 MW

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า ในปี 2563  บริษัทฯคาดว่าจะพลิกกลับมีกำไรสุทธิได้ จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 552.86 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 46.7 ล้านตัน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 45.3 ล้านตัน และรับรู้รายได้จากโครงการแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงธุรกิจไฟฟ้าจ่ายไฟเข้าระบบอีก 451 เมกะวัตต์ (MW)

“แหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์สามารถสร้างรายได้ให้ปีละ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ประมาณเดือนเม.ย.นี้  หรือประมาณ 8 เดือนเศษ คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนได้ภายใน 6 ปี นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มได้ หากใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะมีโอกาสผลิตถ่านหินจากหลุมเก่า 133 หลุมได้อีก” นางสมฤดีกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น มาจากออสเตรเลียจำนวน 16.2 ล้านตัน จากปีที่แล้วมียอดขายเพียง 10.7 ล้านตัน เนื่องจากมีการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 100 % เหมืองอินโดนีเซียขายจำนวน 25.5 ล้านตัน และจีนอีก 5 ล้านตัน ที่จีนยังไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 หากสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ บริษัทได้เตรียมลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายต่างๆลง คาดว่าจะจบลงสิ้นไตรมาส2 ส่วนราคาถ่านหินเฉลี่ยปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน ใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังของปี 2562

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2563 บริษัทฯตั้งงบจำนวน 930 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณเกือบ 3 หมื่นล้านบาท โดยประมาณ 90% หรือจำนวน 770 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ และธุรกิจพลังงานสะอาด ส่วนที่เหลือ 10% ใช้ปรับปรุงเครื่องจักร ในเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย

ด้านผลงานปี  2562 มีรายได้จากการขายรวม  2,759 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 21% และกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) อยู่ที่ 695 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 41% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ผลจากเงินบาทอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสหรัฐ ทำให้ขาดทุนจำนวน 95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงบันทึกขาดทุนสุทธิจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 552.86 ล้านบาท

นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า ในปี 2563 คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มอีก 4 แห่ง กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 451 MW ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงไฟฟ้าทั้งหมด 33 แห่ง COD แล้ว 24 แห่ง และอยู่ระหว่างพัฒนา 9 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,901 เมกะวัตต์ คิดเป็นกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 2,247 เมกะวัตต์

สำหรับแผน 5 ปี (2564-2568) บริษัทฯตั้งเป้าขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 5,300 MW แบ่งเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป 4,500 MW และพลังงานหมุนเวียน 800 MW นอกจากนี้กำลังเจรจาเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กำลังการผลิตมากกว่า 300 MW

นายสุธีกล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2562 มี EBITDA  4,802 ล้านบาท ลดลง 19% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,191 ล้านบาท ลดลง 33% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีการลดลงของค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment :AP) ตามโครงสร้างสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และโรงไฟฟ้าหงสาที่หยุดเดินเครื่องเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ใน สปป.ลาว เมื่อเดือนพ.ย.2562 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าหงสา กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติและเต็มประสิทธิภาพ พร้อมสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง