SEAFCO จ่อเซ็นงานใหม่ ดัน backlog แตะ 4 พันล้าน

“SEAFCO” จ่อรับงานเสาเข็มเจาะโครงการ “One Bangkok” เฟส 4 กว่า 600 ล้านบาทเพิ่ม ดัน backlog แตะ 4 พันล้าน ปรับเป้ารายได้ปีนี้โต 30% แตะระดับ 2.4-2.5 พันล้านบาท

นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ (SEAFCO) เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่งได้งานเสาเข็มเจาะโครงการ One Bangkok เฟสที่ 4 มูลค่า 600 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทได้รับงานเสาเข็มเจาะเฟส 1 และ 2 ในโครงการเดียวกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างและตรวจสอบสัญญา คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาในเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้งานในมือ (backlog) ของบริษัทเพิ่มเป็นประมาณ 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีงานในมือ 3,328 ล้านบาท

“ตอนนี้ backlog ที่ 4,000 ล้านบาท ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่เมื่อมีการส่งมอบงานในไตรมาส 2 แล้ว backlog จะลดลงมาเหลือ 3,200-3,300 ล้านบาท แต่ก็ยังมีงานใหม่ๆเพิ่มเข้ามาต่อเนื่อง คือ โครงการที่เรายื่นประมูลไปแต่ยังมีการประกาศผล มูลค่า 9,835 ล้านบาท ซึ่งปกติเราจะได้งานประมาณ 40% โครงการสร้างศูนย์การค้าเดอะมอลล์ 3-4 แห่ง โครงการคอนโดของบริษัทอนันดา (ANAN) และโครงการภาครัฐใหม่ๆที่กำลังจะออกมา”นายณรงค์กล่าว

ณรงค์ ทัศนนิพันธ์

นายณรงค์ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็นเติบโต 30% จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้เติบโต 25% หรือรายได้เพิ่มเป็น 2,400-2,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,907 ล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ 600-700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากไตรมาสแรกที่รายได้ลดลงเหลือ 416 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงย้ายเครื่องจักรไปยังไซด์งานก่อสร้างที่ใหญ่กว่า คือ งานรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู และโครงการ One Bangkok

นายณรงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนงานภาคเอกชนและงานภาครัฐของ SEAFCO อยู่ที่ 50 ต่อ 50 แต่สัดส่วนงานภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หากพาร์ตเนอร์ของบริษัทชนะการประมูลโครงการภาครัฐที่เตรียมประมูลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน แต่หากงานภาครัฐไม่เปิดประมูลตามที่กำหนด SEAFCO ก็มีงานภาคเอกชนให้ทำอีกมาก

“หากงานโครงการภาครัฐล่าช้าหรือพาร์ตเนอร์ของเราไม่ได้งาน ก็มีงานเอกชนให้ทำอีกมาก ดังนั้น รายได้ของ SEAFCO จะไม่ลด และบริษัทยังเร่งสร้างรายได้ในต่างประเทศ เช่น พม่าที่ได้งานมาแล้ว 100 ล้านบาท และปีนี้จะเข้าไปกัมพูชา โดยเราตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศปีนี้เป็น 7% จากปีที่แล้ว 5% แต่รายได้หลักๆยังอยู่ในเมืองไทย เพราะยังมีโครงการก่อสร้างอีกเยอะ โดยเฉพาะโครงการรัฐหากรัฐบาลนี้ทำไม่ทัน รัฐบาลหน้าก็ต้องทำอยู่ดี”นายณรงค์กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณารับคนงานเพิ่ม เพื่อรองรับงานใหม่ๆทั้งงานภาครัฐและงานเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากงานที่มีอยู่ในมือ 3,000-4,000 ล้านบาทในขณะนี้ ทำให้บริษัทใช้กำลังคนเต็มทั้ง 100% แล้ว และบางครั้งบริษัทต้องปฏิเสธงานหรือไม่กล้ารับงานเพิ่ม เพราะเกรงว่าจะส่งมอบงานไม่ทันตามสัญญา