HoonSmart.com>> บล.เอเซียพลัส แนะนำช่วงเวลาที่ลงทุนดีที่สุด 1 เดือน หลังเปิดข่าวออกมา ยกสถิติ 10 เดือนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.6% บางแห่งให้เกิน 10% จากความเชื่อมั่นหุ้นถูก บริษัทเฮโลช้อนช่วยให้ดัชนีดีขึ้นด้วย ตามเกณฑ์เวลาเก็บ 6 เดือน หลังจากนั้นร่วง ด้าน 4 หุ้นซื้อคืน KBANK-SPALI เช้าราคาเดินหน้าต่อ ปิดตลาดร่วง สวน CK-TPIPL ยืนบวก
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า การประกาศซื้อหุ้นคืนมักส่งผลดีต่อราคาหุ้นในช่วงระยะสั้น ซึ่งช่วงเวลาที่ดีสุด 1 เดือนหลังประกาศ มีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 2.6% (บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 10%)
สภาวะตลาดที่ผันผวนและราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง สร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนหลายๆ บริษัทที่มีความพร้อมทางการเงิน ขณะที่ผู้บริหารต้องการส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน กลับมาเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยการประกาศซื้อหุ้นคืน (Tresury Stock)
ในสัปดาห์นี้ มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 4 บริษัท คือ CK, KBANK, SPALI และ TPIPL ซึ่งราคาหุ้นหลังประกาศถึงปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี 5.3%, 5.9%, 1.8% และ 3.3% ตามลำดับ หลังจากต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีหุ้นปรับตัวลงกว่า 3.5%
หากดูข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ในกลุ่มตัวอย่างบริษัท ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนเกือบทั้งหมดราว 42 บริษัท และส่วนใหญ่จะประกาศซื้อหุ้นคืนในปีที่ตลาดฯปรับฐานแรงเสมอ เช่น ปี 2558 ดัชนีหุ้นปรับฐาน 14% (ลดลงมากสุดใน 10 ปี ที่ผ่านมา) มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน 5 บริษัท และมีต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2559 อีก 4 บริษัท ซึ่งในปี 2559 ดัชนีหุ้นฟื้นตัวกว่า 19.8%
ส่วนปี 2561 ดัชนีลดลง 10.8% (ลดลงมากสุดเป็นอันดับ 2 ใน 10 ปี ที่ผ่านมา) มีการประกาศซื้อหุ้นคืนถึง 13 บริษัท หลังจากนั้น 6 เดือน ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.6% (ช่วง ครึ่งแรกของปี 2562 )
ปี 2562 ส่วนใหญ่มีการประกาศหุ้นคืนในช่วงครึ่งหลังของปีราว 15 บริษัท หลังจากดัชนีปรับฐานลงมาเยอะ
หากพิจารณาโดยภาพรวมของดัชนีสังเกตได้ว่าหลังจากบริษัทออกมาประกาศซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมาก ดัชนีมักจะตอบสนองในเชิงบวกและมีโอกาสรีบาวด์กลับในระยะถัดไปเสมอ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนักลงทุน ตอบรับสัญญาณที่ผู้บริหารส่งออกมาว่าราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามความต่อเนื่องในการปรับขึ้นของราคาหุ้นยังขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมอื่นๆ ด้วย เฉพาะอย่างยิ่งแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้า
ฝ่ายวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ค้นหาช่วงเวลาในการลงทุนหุ้นที่ถูกซื้อหุ้นคืน จากข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี พบว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ “ซื้อหุ้นดังกล่าวในวันที่ประกาศ และขายทำกำไรใน 1 เดือนถัดมา” มีโอกาสได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกราว 2.6% (บางบริษัทให้ผลตอบแทนเกิน 10%) เนื่องจากการซื้อหุ้นคืนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพยุงราคาหุ้น บวกกับความคาดหวังกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น จากจำนวนหุ้นที่ลดลงตามจำนวนที่ซื้อคืน รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณของผู้บริหารว่าหุ้นบริษัทตัวเองถูกเกินไป
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นราคาส่วนใหญ่จะย่อตัวลงตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากประกาศซื้อหุ้นคืนเกิน 6 เดือน ผลตอบแทนที่ได้มีโอกาสย่อตัวจนติดลบ เนื่องจากบริษัทมีระยะเวลาในการซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กดดันราคาและยังสอดคล้อกับสถิติในอดีต และหลายๆบริษัทให้ผลตอบแทนติดลบ สวนทางตลาดที่เริ่มฟื้นขึ้น
ด้านราคาหุ้น 4 บริษัทที่ประกาศซื้อหุ้นคืน KBANK เปิดตลาดวันที่ 31 ม.ค.2562 ราคาหุ้นบวกต่อ 2 บาท หรือ 1.41% ซื้อขายที่ 143.50 บาท หลังจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ประกาศใช้เงิน 4,600 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นคืนจากตลาดจำนวน 1% หรือ 23 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 14-27 ก.พ.นี้ รวมถึงหุ้น บริษัทช.การช่าง (CK) ที่จะซื้อหุ้นคืน 10% ราคาบวก 0.20 บาท หรือ 1.02% ซื้อขายที่ 19.80 บาท บริษัททีพีไอ โพลีน (TPIPL) เพิ่มขึ้น 3.21% หรือ 0.05 บาท ซื้อขายที่ 1.61 บาท และบริษัท ศุภาลัย (SPALI) อยู่ที่ 16.50 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.61% ณ เวลาประมาณ 10.10 น.
อย่างไรก็ตามระหว่างนักลงทุนขายทำกำไรฉุด KBANK ปิดที่ราคา 140.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ -0.71% จากปรับตัวขึ้นไปแตะสูงสุด 144 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,947.47 ล้านบาท และหุ้น SPALI ปิดที่ 16.20 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -1.22% จากขึ้นไปสูงสุด 16.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 125.39 ล้านบาท
ด้านหุ้น CK ปิด 19.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +1.53% และระหว่างวันขึ้นไปแตะสูงสุด 20.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 452.08 ล้านบาทและ TPIPL ปิด 1.57 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ +0.64% จากขึ้นไปแตะสูงสุด 1.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 18.44 ล้านบาท
อ่านข่าว
แน่งน้อยร้อยเรื่องลงทุน : บล.โนมูระฯแจกข่าวดี 39 หุ้น มีสิทธิซื้อหุ้นคืน