HoonSmart.com>>ศูนย์วิเคราะห์ TMB Analytics เผยผลการศึกษาพฤติกรรมการเงินจากข้อมูลโซเชียลมีเดียของคน GEN Y ส่วนใหญ่มีความฝันสร้างอนาคตที่ดีและมั่นคง อยากมีบ้าน รถ และเงินออม แต่ความเป็นจริงห่างไกล สาเหตุจากติดกับดักค่าใช้จ่าย “ของมันต้องมี” ทำให้ในแต่ละปีกลุ่ม GEN Y ต้องเสียเงินรวมกันสูงถึง 1.37 ล้านล้านบาท เป็น 13% ของ GDP
“GEN Y 1.4 ล้านคนเป็นหนี้ ซึ่งเป็นหนี้เสียคิดเป็น 7%ของยอด NPL รวม” จากข้อมูลจาก ธปท.พบว่า กลุ่ม GEN Y (อายุ 23 -38 ปี ) มีการกู้ 7.2 ล้านคน (50% ของ GEN Y ทั้งหมด) โดยมีภาระหนี้อยู่ที่ 4.23 แสนบาทต่อคน ที่น่าสังเกตคือ 20% ของ GEN Y ที่กู้หรือ 1.4 ล้านคนเป็นหนี้ผิดนัดชำระ ซึ่งคิดเป็น 7.1% ของสินเชื่อทั้งหมดที่มีการผิดนัดชำระ
โดยเฉลี่ย GEN Y หมดเงินไปกับ “ของมันต้องมี” ปีละเกือบแสนหรือ 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี ส่วนใหญ่เป็นการซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า และนาฬิกา/เครื่องประดับ เพราะซื้อตามเทรนด์กลัวเอ้าท์ (42%) มากกว่ามองเป็นของจำเป็น (37%) แถมเงินที่ใช้ซื้อนั้น คนส่วนใหญ่ (70%) ใช้บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดในการใช้จ่าย ซึ่งเมื่อลงรายละเอียดพบว่ามากกว่า 70% ของ GEN Y มีการผ่อนชำระที่ต้องเสียดอกเบี้ย
ทีเอ็มบี จับมือ ไวซ์ไซท์ ผ่านแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 แนะทางแก้ปัญหาเพื่อให้ GEN Y มีพฤติกรรมทางการเงินที่ดีขึ้น
คุณกาญจนา โรจวทัญญู หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร สื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ทีเอ็มบี เผยว่า “ทีเอ็มบี มีวิสัยทัศน์ของการเป็นการธนาคารแบบยั่งยืน (Sustainable Banking) ที่มุ่งมั่นให้ความรู้ทางด้านการเงิน โดยได้เน้นถึงกลุ่มคนเป้าหมายที่เป็น GEN Y ช่วงต้นอายุระหว่าง 23 – 30 ปี จึงเกิดความร่วมมือระหว่าง ทีเอ็มบี และพันธมิตรอย่าง ไวซ์ไซท์ (WISESIGHT) ผู้นำด้าน Social Monitoring Tool รายใหญ่ของไทย สร้างแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 ที่มุ่งเน้นที่กลุ่ม GEN Y ซึ่งมีการเปิดรับข้อมูล อัพเดทช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ติดตาม Influencers ที่มีแนวคิดคล้ายกัน ผ่านทางช่องทางโซเชียล โดยเฉพาะ Twitter และ เฟซบุ๊ก (Facebook) เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
“จะเห็นได้ว่าในเฟสแรกเราได้จุดกระแสด้วย Influencer อย่าง กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ กันต์ กันตถาวร และกาละแมร์ พัชรศรี ที่เป็นดาราเซเลบ มีแง่มุมในด้านการใช้ชีวิต ตั้งเป้าหมายด้านหน้าที่การงาน การเงินอย่างชัดเจน รวมไปถึง มิ้นท์ บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวจากเพจ I Roam Alone และ ช่า เจ้าของเพจบันทึกของตุ๊ด ที่เป็นไอดอลสร้างแรงบันดาลใจ มาร่วมแชร์เป้าหมายชีวิตให้คนที่ติดตามได้ฟังกัน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแฮชแท็กแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 ที่สามารถติดเทรนด์ Twitter อันดับหนึ่ง ทั้งนี้เพราะเราเชื่อว่าหาก GEN Y ได้ตระหนักถึงเป้าหมายในชีวิตแล้ว จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนพฤติกรรม นอกจากนี้กิจกรรมต่อไปที่จะเกิดขึ้นในกลางเดือนธันวาคมนี้ จะมีขึ้นเพื่อชักชวนให้ GEN Y ได้ลุกขึ้นเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนตั้งเป้าหมายที่จะได้เริ่มต้นสิ่งดีๆ ในปีถัดไป”
ด้าน คุณกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไวซ์ไซท์เป็นผู้นำการให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลในประเทศไทย เรานำข้อมูลบนโซเชียล มาวิเคราะห์โดยข้อมูลโซเชียลที่ไวซ์ไซท์ นำมาวิเคราะห์นั้นมาจาก Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Pantip และเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ปัจจุบัน เรามีข้อมูลดิบที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จำนวนมหาศาล ที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ในถัง Big Data และไม่เคยลบทิ้งเลยทำให้ในปัจจุบันเรามีจำนวนข้อมูลดิบมากที่สุดในประเทศไทย”
“ทั้งนี้ ไวซ์ไซท์รู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้ จากจุดยืนที่ต้องการสร้างบรรทัดฐาน และส่งเสริมการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ เราได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของ GEN Y เพื่อใช้ข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งในการวางกลยุทธ์ และสร้างปรากฏการณ์ปลุกกระแสคนในโลกโซเชียลกับแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 ร่วมกับทางทีเอ็มบี โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำข้อมูลที่ได้ครั้งนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการใช้ชีวิตและวางแผนทางการเงินของกลุ่มคน GEN Y ในอนาคต”
คุณพุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงข้อมูลที่ได้จากวิเคราะห์เก็บข้อมูลดังนี้ “คนไทยใช้สื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียล) 74% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น อันดับ 8 ของโลก และมีผู้ใช้งานบน Facebook 56 ล้านบัญชี Instagram 13 ล้านบัญชี และ Twitter 9.5 ล้านบัญชี และระยะเวลาที่ใช้คิดเป็น 3 ชั่วโมง 11 นาที เวลาเฉลี่ยใน 1 วัน และยังพบว่า 80% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เคยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และกว่า 50% เป็นคน GEN Y (อายุ 28-38 ปี)”
“ด้านความคิดเห็นของในแต่ละแพลตฟอร์มนั้น Facebook ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความมั่นคง เช่น อยากมีเงินเก็บ บ้าน รถยนต์ ธุรกิจส่วนตัว เป็นต้น ส่วนด้าน Twitter จะเป็นไปในแนวทางที่มีความอิสระเสรี มีไลฟ์สไตล์ จากการวิเคราะห์ Data ของแคมเปญในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า Influencer มีอิทธิพลทางความคิดให้ผู้ติดตามได้คล้อยตามง่าย ดังนั้นเมื่อเหล่า Influencer ลุกขึ้นมาทำอะไร จะเกิดกระแส เกิด Social Voice ในการทำตาม ซึ่งแน่นอนว่าในการทำแคมเปญครั้งนี้ เมื่อได้จุดกระแสออกไปแล้ว เกิดการตั้งคำถามให้กับกลุ่ม GEN Y ให้เกิดการฉุกคิดเกี่ยวกับเป้าหมายทางการเงิน เพื่อนำไปสู่แนวทางในการวางแผนชีวิตให้ดียิ่งขึ้น”
ด้านคุณนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics ให้รายละเอียดถึงผลจากการสำรวจพฤติกรรมของ GEN Y บน โซเชียล พบว่าความหวัง “ของมันต้องมี” ก่อนอายุ 40 คือ อยากมีบ้าน (48%) รถยนต์ (22%) ขณะที่อยากมีเงินออมและสินทรัพย์อื่นๆ มีไม่มาก (13%) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับ GEN Y เมื่อวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษา พบว่ามียอดใช้จ่ายในกลุ่มสินค้า “ของมันต้องมี” ถึง 69% ขณะที่รายการซื้อบ้าน ซื้อรถที่เป็นความฝันมีสัดส่วนที่ลดลงมาก รวมทั้งสัดส่วนเงินออมมีไม่ถึง 10%
GEN Y จะต้องทำอย่างไร หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรเพื่อนำไปสู่การมีพฤติกรรมทางการเงินที่ดีหรือมีวินัยทางการเงิน
สิ่งแรกที่แนะนำคือ ลดเงินที่ใช้กับ “ของมันต้องมี” ง่ายๆ โดยลดลงแค่ 50% (เชื่อว่าลดหมด 100% เป็นไปได้ยาก) ควบคู่กับวางแผนการบริหารเงินให้ดีโดยเพิ่มการออมการลงทุนให้ถูกที่ แค่นี้ GEN Y จะมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น 43,000 บาทต่อปี
เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี หรือยาวไป 30 ปีก็จะสามารถซื้อทรัพย์สินตามที่เคยตั้งความหวังไว้ได้ไม่ยาก คุณนริศกล่าวปิดท้าย ด้วยข้อเสนอแนะสำหรับ GEN Y เพื่อให้สามารถวางแผนทางการเงิน และประสบผลสำเร็จในเป้าหมายที่วางไว้ได้ดียิ่งขึ้น