HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นไทยลดลงตามภูมิภาค เจรจาการค้าจบไม่ลงปีนี้ ส่งออกต.ค.หดแรงเกินคาด 4.5% สถาบันไทยขายหนัก 3,315 ล้านบาท หุ้นมือถือถูกทุบกระจาย ราคาน้ำมันขึ้นไม่ช่วยพลังงาน แนวโน้มตลาดไม่สดใส หาที่ปลอดภัยลงทุน บล.โนมูระพัฒนสินแนะ 7 ธีม
ตลาดหุ้นวันที่ 21 พ.ย. ปรับตัวลงตามต่างประเทศ หลังการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนยืดเยื้อไปปี 2563 ผสมตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.หดตัว 4.5% กดดันให้ดัชนีลงไปต่ำสุดถึง 1,583 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 1.591.86 จุด ลดลง 4.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย กว่า 47,000 ล้านบาท
ขณะที่สถาบันไทยขายมากที่สุด 3,315 ล้านบาท รายย่อยรับเต็มพอร์ต หุ้นที่ตกเป็นเป้าขาย คือกลุ่มมือถือ แม้ว่า TRUE เปิดกระโดด ที่ 4.38 บาท หลังบริษัทปฎิเสธข่าวเพิ่มทุน ขายราคา 3 บาทก็ตาม สุดท้ายปิดที่ 4.12 บาท โดย DTAC รูดลงแรงที่สุด 5.49% ADVANC ลงตาม3.08% คาดเป็นการขายทำกำไร และธุรกิจยังมีการแข่งขันรุนแรง ส่งผลต่อการดำเนินงานในปีหน้า
นอกจากนี้หุ้นโรงไฟฟ้า ก็ปรับตัวลงเกือบทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะ BPP และ RATCH ลดลงกว่า 2% จากโรงไฟฟ้าหงสาที่สปป.ลาว ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ระบบเตือนภัยทำงานโดยอัตโนมัติ หยุดผลิตเพียงช่วงสั้น ส่วน CKP ก็ปรับตัวลง 1.72% แม้ว่าบริษัทยืนยันว่า โครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรีไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็ตาม
ในช่วงนี้ ยังมีปัจจัยลบเข้ามารบกวน ส่วนข่าวดี ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ของแต่ละบริษัท บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะนำให้เลือกลงทุนภายใต้ 7 ธีม เช่น หุ้นที่ได้รับเลือกเข้า MSCI Global Standard และ MSCI Global Small Cap ซึ่งจะมีผลวันที่ 26 พ.ย.2562 นี้ เช่น GPSC จะมีเงินเข้ามาลงทุนประมาณ 84 ล้านเหรียญฯ ประมาณ 2,500 ล้านบาท และ SAWAD 66 ล้านเหรียญ ประมาณ 2,000 ล้านบาท
ธีมหุ้นธุรกิจอาหารก็น่าสนใจ เห็นสัญญาณดีขึ้นจากการเติบโตของสาขาเดิม (SSSG) เดือนต.ค. ZEN คาดบวกเล็กน้อย, MINT ติดลบลดลง และบวกจากการซื้อ Bon chon นอกจากนี้ธีมวงจรหมูขาขึ้นมองเป็นบวกต่อ CPF, GFPT, TFG
อย่างไรก็ตาม ให้น้ำหนักเท่ากับตลาดในกลุ่มธนาคาร โดยเลือก TISCO เป็นหุ้นเด่นแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 112 บาท
หลังจากมีมุมมองเชิงลบต่อการรายงานสินเชื่อในเดือนต.ค. เนื่องจากกลับมาลดลง 0.7%จากเดือนก.ย. ทั้งที่เข้าช่วง high season ของการปล่อยสินเชื่อ มีเพียง TISCO ธนาคารเดียวที่สินเชื่อเติบโต 0.1%
“เรายังว่ากลุ่มธนาคารไม่น่าสนใจ แม้คาดกำไรสุทธิระยะสั้นไตรมาส 4 จะเติบโตได้และค่อนข้างถูก แต่สินเชื่อในเดือนต.ค. กลับมาลดลง ภาวะเศรษฐกิจที่โตต่ำ คุณภาพสินทรัพย์จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ความท้าทายในอนาคตจากการใช้ TFRS 9 ในปีหน้า คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2563 ไม่สดใสที่ 1.73 แสนล้านบาท ลดลง 2% ส่งผลให้ ROE มีแนวโน้มลดลง”