HoonSmart.com>> “สมคิด-ภากร” วอนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนกหุ้นไทยร่วงแรง หลังสงครามการค้ากลับมาเดือด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชู P/E – ปันผลดีกว่าภูมิภาค หวัง Thailand Focus เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ด้านหุ้นไทยปิดรูด 23 จุด ระหว่างวันดิ่ง 37 จุด หลังทรัมป์เผยจีนพร้อมเจรจา หนุนดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก นักลงทุนสถาบันถล่มขาย 4,180 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,392 ล้านบาท ด้าน PTTGC ประเดิมซื้อหุ้นคืน 4 แสนหุ้น
ตลาดหุ้น 26 ส.ค.2562 ปรับตัวลงแรงไปในทิศทางเดียวกับเอเชีย โดยระหว่างวันลงไปแตะ 1,609.40 จุด ลดลง 37.28 จุด และฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 1,622.73 จุด ลดลง 23.95 จุด หรือ -1.45% มูลค่าการซื้อขาย 64,691.57 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 4,180.82 ล้านบาท รองลงมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,392.54 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 4,730.32 ล้านบาทและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ
นักลงทุนเลือกซื้อหุ้นปลอดภัย กลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสูงและมีรายได้สม่ำเสมอ อย่างโรงไฟฟ้า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์แนะนำเลี่ยงหุ้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกและหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ด้านบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ประเดิมนซื้อหุ้นคืนในตลาด 4 แสนหุ้น ราคา 51.25 บาท/หุ้น รวม 20.50 ล้านบาท หลังเริ่มซื้อได้ตั้งแต่ 11 มิ.ย.2562
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวลดลงกว่า 30 จุดนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นเหมือนกันทั่วโลก โดยยืนยันว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยขอให้นักลงทุนอย่าตกใจ เป็นความกังวลต่อสถานการณ์ของโลก อย่างไรก็ตามต้องติดตามผลการประชุม G7 และปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึง Brexit
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนกตกใจ เพราะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย และขอให้นักลงทุนติดตามข่าวสารความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ คืนนี้
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการส่งออกไปสหรัฐฯ และมีบางกลุ่มที่ไม่ได้ปรับตัวลดลง เช่น กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund:IFF) เป็นต้น ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ
ส่วนฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นบวกในปีนี้ แม้ว่าช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติจะมีการขายออกมา แต่การขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติเทียบกับตลาดในภูมิภาคถือว่าใกล้เคียงกัน โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ซึ่งหากมีความชัดเจนเกิดขึ้น มองว่านักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนระยะยาวจะกลับเข้ามาลงทุน เพราะภาพรวมตลาดหุ้นไทยถือว่าน่าสนใจ เมื่อเทียบจากระดับ P/E ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในตลาดภูมิภาค อีกทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างสูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาค
ทั้งนี้ ณ วันที่ 23 ส.ค.62 อัตราผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหุ้นไทย (SET) อยู่ที่ 3.13% เมื่อเทียบตลาดหุ้น 9 แห่งในเอเชียเฉลี่ยอยู่ที่ 2.95%
อย่างไรก็ตามเชื่อว่างาน Thailand Focus ที่จะจัดขึ้นปลายเดือนส.ค.เป็นโอกาสดี เป็นเวทีเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุน เพราะสามารถให้ข้อมูลรัฐบาลชุดใหม่และมีนโยบายการขับเคลื่อนประเทศอย่างไร
ด้านนายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสื่อสารและบริการผู้ลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกรณีความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (26 ส.ค.) ก.ล.ต. มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบ ซึ่งพบว่าภาวะตลาดโดยรวมที่ลดต่ำลงเป็นไปในแนวทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยมีสาเหตุหลักมาจากผู้ลงทุนวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งกรณีลักษณะเช่นนี้ ก.ล.ต. ได้มีการประสานงานกับ ตลท. อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
อ่านประกอบ
KGI มอง 1,580 จุดเอาอยู่ แนะเพิ่มหุ้นเสี่ยงต่ำ “สื่อสาร โรงไฟฟ้า พาณิชย์”