HoonSmart.com>> บล.เคจีไอ เชื่อสงครามการค้ายกระดับกระทบตลาดหุ้นช่วงสั้น คาด FED หั่นดอกเบี้ย เศรษฐกิจไม่ถดถอย แนวรับดัชนี 1,580 จุดเอาอยู่ พร้อมแนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นเสียงต่ำ “กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า พาณิชย์” เลี่ยงหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจ หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์
บริษัทหลักทรัพย์เจีไอ (ประเทศไทย) มองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานรอบใหม่ ตามความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย ที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง กลับมากดดันสินทรัพย์เสี่ยง และน่าจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติลดความเสี่ยงปรับพอร์ตออกจากหุ้นเอเชียและหุ้นไทยต่อไปในระยะสั้น
ทั้งนี้ หลังตลาดการเงินโลกกลับมากังวลเรื่องสงครามการค้าอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังทางการจีนประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้า 5-10% กับสินค้ามูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญจากสหรัฐ และกลับมาเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์อีกครั้ง (เพื่อเป็นการตอบโต้การเก็บภาษีของสหรัฐฯ ที่ประกาศไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อน) ในขณะที่สหรัฐก็ตอบโต้อีกรอบทันที โดยประกาศเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2.50 แสนล้านเหรียญที่ 30% (จากเดิม 25%) และสินค้าจีนล๊อตล่าสุด 3 แสนล้านเหรียญที่ 15% (จากเดิม 10%)
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าความขัดแย้งทางการค้าที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง จะทำให้มีการตอบสนองจากนโยบายการเงินในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (จะประชุมในวันที่ 18 ก.ย.) และธนาคารกลางยุโรป (จะประชุมในวันที่ 12 ก.ย.) นักเศรษฐศาสตร์ของ KGI มองว่ามีโอกาสสูงมากที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก และอาจส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหลัง ก.ย. ไปแล้ว ส่วนฝั่งยุโรปมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักทุกตัวลงอีก 0.1% พร้อมเตรียมดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ (Asset Purchase Program หรือ APP) รอบใหม่อีกในไตรมาส 4/2562 หรือต้นปี 2563 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ทางเรามองว่าจะช่วยลดแรงกดดันต่อปัญหาเศรษฐกิจ เสริมสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้น และน่าจะทำให้การปรับฐานลงของตลาดหุ้นไม่รุนแรง
พร้อมกับมุมมองที่ว่า 1) ธนาคารกลางต่างๆ ตอบสนองนโยบายการเงินค่อนข้างเร็ว และ 2) สถิติในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาชี้ว่าไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐคนไหนเคยถูกเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งอีกรอบถ้าหากว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย จึงยังคงเชื่อว่าสหรัฐฯ จะรอดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ซึ่งหมายถึง GDP หดตัว QoQ ติดต่อกันสองไตรมาส)
ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ถดถอย เชื่อว่าจุดต่ำสุดของตลาดหุ้น ซึ่งประเมินโดยใช้แบบจำลอง earnings yield gap โดยกำหนด yield gap ที่ประมาณ 5% จะได้ SET Index ที่ประมาณ 1,580 จุด จึงมองว่า SET Index มีความเสี่ยงทางลงจากระดับปัจจุบันประมาณ 4% เท่านั้น ทั้งนี้ตัวเลข yield gap และดัชนีฯ ข้างต้น คำนวณจากสมมติฐานกำไร บจ. ปี 2562 ที่ 100.0 จุด และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีที่ 1.25% ซึ่งเป็นระดับที่เป็นไปได้ถ้าหาก กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในเดือนก.ย.
พร้อมกับ แนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก และหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ไปก่อน แม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มนี้จะถูกลงมามากแล้วก็ตาม ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงเน้น Overweight หุ้นเสี่ยงต่ำที่มีแนวโน้มกำไรสม่ำเสมอ รวมทั้งและหุ้นที่มีกระแสเงินสดในลักษณะคล้ายพันธบัตร เช่นหุ้นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มพาณิชย์ โดยหุ้นเด่นได้แก่ INTUCH, BGRIM, RATCH, CPALL, COM7 และ MBK
“เราคงมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ถดถอยในปี 2563 และสำหรับ SET Index เราคงมองช่วง 1,580-1,590 จุด มีโอกาสเป็นจุดต่ำสุด คล้ายกับการปรับฐานรอบก่อนหน้านี้ โดยยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก และหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ไปก่อน และเรายังคง Overweight หุ้นเสี่ยงต่ำ เช่นกลุ่มสื่อสาร กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มพาณิชย์ “บล.เคจีไอ ระบุ
ณ เวลา 10.55 น. ดัชนีหุ้นไทยร่วง 30.36 จุด หรือ -1.84% ลงแตะ 1,616.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,322 ล้านบาท
อ่านประกอบ
KGI มอง 1,580 จุดเอาอยู่ แนะเพิ่มหุ้นเสี่ยงต่ำ “สื่อสาร โรงไฟฟ้า พาณิชย์”