HoonSmart.com>>“แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เจ้าของ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) ยืนเก็บหุ้น JKN อย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 21 มี.ค. 2562 จำนวน 18 ล็อต รวมทั้งสิ้น 20.56 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 7.89 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งหมด 162.35 ล้านบาท ปัจจุบันถือหุ้นอันดับหนึ่ง 293 ล้านหุ้น มากกว่า 53% ของทุนเรียกชำระแล้ว
“แอน” เข้าไปซื้อหุ้น JKN ในกระดานครั้งแรกในปีนี้ วันที่ 18 ม.ค. หรือ 2 วัน หลังจากราคาดำดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 6 บาทต่อหุ้น การเริ่มต้นซื้อเพียง 393,300 หุ้น ในราคาหุ้นละ 6.80 บาท และเก็บอย่างต่อเนื่อง ช่วยผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้นมายืนอยู่ที่ 8 บาทได้สำเร็จ แต่ก็ยังห่างไกลจากราคาสูงสุดที่ 15.20 บาทก่อนหน้านี้
JKN เป็นหุ้นขวัญใจนักลงทุนและฟลอร์มสวยมาก แต่เกิดอะไรขึ้น ทำให้ราคากลับหลังหัน และลงลิฟท์มาพรวดเดียว เชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานยังคงดีอยู่ แต่เกิดปรากฎการณ์ “ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น”
เริ่มตั้งแต่”จักรพงษ์”ยกล็อตขายให้นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล(BCH) จำนวน 4 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 13.30 บาท เป็นเงิน 53.20 ล้านบาท เมื่อเดือนต.ค. 2561 แม้ว่า “แอน” จะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน มีการชี้แจงว่า “ทนลูกตี้อของคุณหมอไม่ไหว ” และเป็นการขายหุ้นครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอก็ตาม แต่นักลงทุนเห็นตัวอย่างมาเยอะ เจ้าของบริษัทจดทะเบียนหลายรายที่ขายหุ้นเก็บกำไรเข้ากระเป๋าแล้ว ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาให้ราคาหุ้นไหลลงมาก
เดือนต่อมา “พิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์” น้องสาวคุณแอน ก็ทิ้งออกมาอีก 3 ล็อตใหญ่ๆ ครั้งละ 7 ล้านหุ้น รวมทั้งหมด 21 ล้านหุ้นในเดือนพ.ย. และธ.ค. ที่ผ่านมา กำเงินสดๆ 247 ล้านบาท แถมขายได้ราคาดีเสียด้วย เฉลี่ย 11.76 บาท ตอนนี้เหลือหุ้นอยู่เพียง 19 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.52% เท่านั้น
ประเด็นสำคัญ อยู่ที่การขายของ “ประยงค์ วนิชสุวรรณ” นักลงทุนรายใหญ่ จากที่เคยถือหุ้นมากเป็นอันดับ 3 จำนวน 51 ล้านหุ้น หรือ 9.47% ของทุนเรียกชำระแล้ว ตอนนี้เหลือติดพอร์ตแค่ 10 ล้านหุ้น หรือ 1.85% เอง
หุ้นที่พิมพ์อุมา-ประยงค์ ขายออกไปมากถึง 62 ล้านหุ้น ไปอยู่ที่ไหนบ้าง ?
จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น วันที่ 19 มี.ค. 2562 มีชื่อ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ โผล่ขึ้นมาถือเป็นอันดับที่สาม จำนวน 26 ล้านหุ้น หรือ 4.81%
สรุปง่าย ๆคือ นอกจากคุณหมอกอดหุ้นไอพีโอลงทุนจนถึงขณะนี้แล้ว มีการซื้อต่อจาก”แอน” 4 ล้านหุ้น และ “พิมพ์อุมา”อีก 21 ล้านหุ้น
ส่วนหุ้นที่”ประยงค์”สาดเข้าไปในตลาด วนเวียนอยู่ในมือของนักลงทุนทั่วไป เมื่อมีแรงขายออกมามาก ก็เป็นเรื่องปกติที่จะกดดันให้ราคาหุ้น JKN ไหลเป็นโจ๊กเลย สร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้นจำนวนมาก
“ประยงค์” ได้กำไรก้อนโตจากหุ้น JKN เพราะใช้กลยุทธ์ทยอยสะสม ในราคาหุ้นต่ำๆ เมื่อต้นปี 2561 มีหุ้นอยู่ในมือไม่ถึง 5 % ซื้อเข้ามาเรื่อยๆ จนเข้าใกล้ 10% ผลจากการมองเห็นกำไรของเจเคเอ็น ฯ เติบโตมาก ตาม“โมเดลธุรกิจ สุดยอด” และ“ผู้บริหารที่เก่งมาก” แต่ทำไมถึงต้องรีบทิ้งของ?
ภาพธุรกิจของ JKN ตอนนี้ ใหญ่กว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อตอนนำบริษัทเข้าตลาด mai ปลายปี 2560
ปัจจุบัน เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นำมาตัดต่อ แปลภาษา และพากย์ จนกลายเป็นคอนเทนต์สำเร็จรูป จัดจำหน่ายในหลายประเทศเท่านั้น
JKN ผนึกกำลังกับพันธมิตรรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ สร้างความแข็งแกร่งของคอนเทนต์ นำไปเผยแพร่ได้ทุกแพลตฟอร์ม พร้อมส่งตรงผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ
ดีลที่สร้างความฮือฮา คือ การจับมือ Zee Entertainment ผู้ผลิตคอนเทนต์ภาพยนตร์บอลลีวูดที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย เปิดตัว JKN Zee Magic ออกอากาศผ่านทางแอปพลิเคชันบีฟลิกซ์ (Bflix)รวบรวมความบันเทิงให้กับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์และซีรีส์ของหลายประเทศ โดยเฉพาะซีรีส์จากประเทศอินเดีย
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมผลิตคอนเทนต์รายการเพื่อออกอากาศช่อง JKN CNBC ให้แก่สถานีข่าวช่อง CNBC Thailand ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์สัญญาเวลา10 ปี (2560-2570) จากแบรนด์ CNBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตรายการข่าวธุรกิจและการลงทุน ซึ่งไม่รวมถึงความร่วมมือทางธุรกิจอันเหนียวแน่นกับสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 และช่อง 8 ที่ผ่านมา
บริษัท เจเคเอ็นฯกำลังต่อจิ๊กซอว์ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ พร้อมผงาดขึ้นเป็นองค์กรระดับอาเซียน ดังนั้นแนวโน้มราคาหุ้นจะไม่ได้เคลื่อนไหวเพียงตัวเลขหลักเดียวเหมือนในขณะนี้ หากใครสนใจ ก็สามารถเทียบเคียงกับต้นทุนที่คุณหมอเฉลิมซื้อล็อตใหญ่ก่อนหน้านี้ได้ เป็นเครื่องรับประกันว่า JKN เป็นหุ้นที่น่าสนใจเหมาะสำหรับการซื้อเก็บลงทุนระยะยาวตัวหนึ่ง