“ไทยออยล์” กำไรสุทธิไตรมาสแรก 5.6 พันล้าน ลดลง 20.73% เหตุกำไรขั้นต้นจากการกลั่นลดลง
บริษัท ไทยออยล์ (TOP) รายงานไตรมาส 1 / 2561 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 กำไรสุทธิ 5,607.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.75 บาท ลดลง 1,466.61 ล้านบาท หรือ 20.73 % เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 7,074.50 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.47 บาท
ภาพรวมไตรมาส 1 เทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อน กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 91,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,174 ล้านบาท ตามราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมที่เพิ่มขึ้น กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 8.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก Crude Premium ปรับเพิ่มขึ้นตามอุปทานน้ำมันดิบที่ลดลงหลังจากกลุ่มโอเปกปรับลดกำลังการผลิต แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าดและน้ำมันดีเซลจะปรับเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว
กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 8.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบกับ 11.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน Q4/60 และเมื่อรวมผลกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 102 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 7,359 ล้านบาท ลดลง 3,451 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากผลกำไรจากสต็อกน้ำมันที่ลดลง ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 793 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากจาก ณ สิ้นไตรมาส
ก่อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากกำไรทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการแปลงค่าของเงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว ทำให้ใน Q1/61 กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรสุทธิ 5,608 ล้านบาท หรือ 2.75 บาทต่อหุ้น ลดลง 1,319 ล้านบาทจาก Q4/60
เมื่อเทียบ Q1/61 กับ Q1/60 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 4,021 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 1.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่นที่ลดลงโดยได้รับแรงกดดันจาก Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา รวมถึงส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์ปรับลดลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA ลดลง 2,189 ล้านบาท
ทั้งนี้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 147 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 96 ล้านบาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายภาษีเงินแล้ว ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิลดลง 1,467 ล้านบาท