HoonSmart.com>>”สตาร์ ปิโตรเลียมฯ” สนใจลงทุนธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน มีแนวโน้มเติบโต ทุ่มงบกว่า 8 พันล้านปิดซ่อมบำรุงใหญ่ปลายปี ยอมรับกระทบผลประกอบการ ส่วนปี 2563 จะกลับมาดีขึ้น กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 10,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่โบรกเกอร์ปรับลดประมาณการกำไรปี 2562 ลงมาเยอะ
นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยกับ www.HoonSmart.com ว่า บริษัทสนใจลงทุนในธุรกิจค้าปลีก เช่นสถานีบริการน้ำมัน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถรองรับการผลิตของบริษัทได้ และยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปในการลงทุนดังกล่าว
ส่วนธุรกิจในปัจจุบัน โรงกลั่นน้ำมันที่ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นายวิชัย กล่าวว่า ในปี2562 บริษัทจะใช้เงินลงทุนจำนวนมากประมาณ 256 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ลงทุนในโครงการเพิ่มกำลังการผลิตในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) และหน่วยผลิตปลายน้ำอื่นๆ เพิ่มขึ้นประมาณ 6% เป็น 175,000 บาร์เรลต่อวัน จากขณะนี้อยู่ที่ 165,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ทันทีหลังจากเสร็จสิ้นโครงการในเดือนธ.ค.นี้ รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพอุปกรณ์ภายในโรงกลั่น โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากกระแสเงินสดจาการดำเนินงาน รวมถึงการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เนื่องจากบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้เลย จึงสามารถที่จะกู้เงินได้อีกมาก
“บริษัทมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ทุกๆ 5 ปี ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนก.พ.2557 ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วง พ.ย.หรือ ธ.ค.นี้ และยังไม่สามารถระบุได้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอข้อมูลจากหน่วยงานแต่ละส่วน เพื่อที่จะคำนวณว่าจะปิดกี่วัน การปิดซ่อมบำรุงครั้งนี้มีการวางแผนอย่างดี เพื่อที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อลูกค้า อาจจะมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศเข้ามาทดแทนบางส่วน และหลังเสร็จสิ้นโครงการ จะทำให้บริษัทสามารถมีผลการปฎิบัติงานอยู่ในระดับต้นๆ เมื่อเปรียบเทียบโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและคาบสมุทรอินเดีย”นายวิชัยกล่าว
ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง SPRC ยอมรับว่าผลประกอบการในปี 2562 มีโอกาสต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุง ซึ่งเป็นไปตามปกติของธุรกิจ แต่คาดว่าในปีหน้าจะกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น รับผลดีจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึงไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเหมือนกับปีนี้
ทั้งนี้ในปี 2561 งบการเงินเฉพาะกิจการ SPRC มีผลกำไรสุทธิ 2,263 ล้านบาท ทรุดลง 6,632 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 74% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,895 ล้านบาท มี EBITDA อยู่ที่ 5,591 ล้านบาท ลดลง 8,254 ล้านบาท จากจำนวน 13,845 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 209,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38,624 ล้านบาทหรือประมาณ 22% จากจำนวน 170,535 ล้านบาท
ผลกำไรที่ลดลงมาก เกิดจากไตรมาส 4 ประสบปัญหาขาดทุน 3,881 ล้านบาทพลิกจากที่มีกำไร 1,248 ล้านบาทในไตรมาส 3 ทรุดลง 5,129 ล้านบาท EBITDA ติดลบ 4,216 ล้านบาท จากไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 2,359 ล้านบาทหรือ ทรุดลง 6,575ล้านบาท เพราะค่าการกลั่นทางบัญชี ติดลบ 5.96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล พลิกจากที่มีกำไร 6.34 เหรียญสหรัฐ หรือ หายไป 12.30 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ได้ปรับลดประมาณกำไรสุทธิปี 2562 เหลือ 1,700 ล้านบาท รูดลงถึง 64% จากประมาณการเดิม หรือลดลง 26% จากปีก่อน เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่สูงขึ้น และค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด มองว่าในปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของ SPRC ที่ถูกกดดันด้วยแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจำนวนมาก ทำให้กำไรต่ำกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2563 จะกลับสู่ระดับปกติที่มีกำไร 5,000-6,000 ล้านบาท เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง และไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ แนะนำซื้อเก็งกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ได้ปรับลดประมาณการกำไรของ SPRC ในปี 2562 ลง 27% เหลือ 3,900 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 5,400 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนที่มากกว่าที่คาดไว้เดิม อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายสำหรับปีถัดไปจะลดลง จึงปรับประมาณการกำไรในปี 2563 ขึ้น 3% มาเป็น 5,900 ล้านบาท แนะนำซื้อ สำหรับนักลงทุนที่ถือลงทุนระยะยาวได้ เพื่อรอคอยเวลาในการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป และยาวไปอีกเกือบ 6 ปีที่จะไม่มีการหยุดซ่อมใหญ่อีก ให้ราคาเป้าหมายที่ 12 บาท