HoonSmart.com>>ฟิทช์มองการควบรวมธนาคารทหารไทยกับธนาคารธนชาต น่าจะช่วยให้เครือข่ายธุรกิจเข้มแข็งขึ้น แต่โอกาสการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังไม่ชัดเจน แผนการควบรวมยังมีความไม่แน่นอน
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า การรวมกิจการระหว่าง ธนาคารธนชาต (TBANK) ที่มีอันดับเครดิตAA-แนวโน้มอันดับมีเสถียรภาพ และธนาคารทหารไทย (TMB) อันดับเครดิต BBB-/bbb-/AA- แนวโน้มอันดับมีเสถียรภาพ อาจส่งผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิต หากฟิทช์ประเมินว่า ขนาดที่ใหญ่ขึ้นหลังการรวมกิจการ จะช่วยส่งเสริมให้ธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในเชิงลบต่ออันดับเครดิตน่าจะเกิดขึ้นจากความซับซ้อนและอุปสรรคในการรวมการดำเนินงานและการผสานวัฒนธรรมองค์กรของทั้งสองธนาคารเข้าด้วยกัน (integration)
ส่วนรูปแบบการควบรวมธนาคารธนชาตจะเป็นผู้โอนสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมดให้กับ TMB ซึ่งจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1.3 – 1.4 แสนล้านบาท โดยประมาณ 70% ของมูลค่าดังกล่าว โดยธนาคารทหารไทยจะชำระโดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง TBANK และ TMB
TBANK เป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 และยังเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย TMB เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 และมีจุดเด่นในการให้บริการด้านธุรกรรมธนาคาร ธนาคารใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการรวมกิจการจะมีส่วนแบ่งการตลาดรวมที่ประมาณ 10%-11% ในด้านสินทรัพย์และด้านเงินฝาก จะขยับขึ้นมาใกล้เคียงกับธนาคารใหญ่อันดับ 5 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และน่าจะส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารทั้ง 2 แห่งมีจุดแข็งในกลุ่มตลาดที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้กระทรวงการคลังมีสัดส่วนการถือหุ้นใน TMB ที่ 26% และคาดว่าจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ในระดับที่มีนัยสำคัญในธนาคารที่เกิดขึ้นหลังจากการรวมกิจการ หากการรวมกิจการเกิดขึ้นได้จริงก็ไม่น่าเสร็จสิ้นกระบวนการได้จนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2562 ขณะนี้แผนการรวมกิจการดังกล่าวจึงยังคงมีความไม่แน่นอนที่จะสำเร็จตามที่คาดไว้