HoonSmart.com >> เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ฯ วางแผน 5 ปี กำไรโตทุกปี 10% ใช้เครื่องจักรมากขึ้น บริหารความเสี่ยงค่าเงิน รายได้ปีนี้โต 15% จากสินค้าทุกตัว ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เสียบตลาดสหรัฐแทนจีน ผู้ถือหุ้นเดลต้าไต้หวัน ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หลัง เม.ย.นี้ เข้ามาถือหุ้นใหญ่หนุนธุรกิจใหญ่ติดอันดับโลก ร่วมกันพัฒนาสินค้า ลดต้นทุนการดำเนินงาน
นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดเผยว่า บริษัทวางแผน 5 ปีนับจากนี้ (2562-2566) กำไรจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 10% จากการหันมาใช้ระบบเครื่องจักรกลมากขึ้น เนื่องจากขยายโรงงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศเกือบทั้งหมด บริษัทได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า รวมถึงเงินยูโรที่ผันผวนด้วย จึงได้หาทางป้องกันความเสี่ยง ซื้อขายสินค้าเป็นเงินดอลลาร์ทั้งหมด
ทั้งนี้ ผลกำไรที่ผ่านมา ขยายตัวลดลงหรือเติบโตไม่มาก เช่น ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,137ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 4.19% จากที่มีกำไรสุทธิ 4,930 ล้านบาทในปี 2560
กรรมการบริหารกล่าวว่า รายได้ไตรมาส 1 ดีขึ้นประมาณ 5-10% คาดทั้งปีเติบโต 15% มาอยู่ที่กว่า 6 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท ทุกผลิตภัณฑ์มีการเติบโตและจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่อยู่ในกลุ่มเน็ตเวิร์ค เข้าไปทำการตลาดในสหรัฐภายในไตรมาส 3 ปีนี้ สามารถทดแทนสินค้าของจีนได้ จากปัญหาด้านสงครามการค้า ปัจจุบันตลาดส่งออก ไปยังสหรัฐประมาณ 30-40% ใกล้เคียงกับตลาดยุโรป และตลาดเอเซียประมาณ 10-20% ตลาดหลักอยู่ในอินเดีย ถือเป็นตลาดใหญ่ บริษัทเลือกสร้างโรงงาน คาดว่าจะเสร็จปลายปีนี้ ใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อขยายตลาดไปยังประเทศในศรีลังกา บังคลาเทศ ปากีสถาน รวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง นอกจากนี้บริษัทยังได้ขยายตลาดในอาเซียน และออสเตรเลียด้วย ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนส่งออกประมาณ 4-5%
สำหรับแผนการซื้อกิจการ บริษัทยังมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ชะลอแผนไว้ก่อน เนื่องจากบริษัทย่อยของเดลต้าไต้หวัน คือ Delta Electronics International (Singapore) Pte. Ltd.(DEISG)จะทำคำเสนอซื้อได้หลังเดือน เม.ย.นี้ จากการหารือทาง DEISG ต้องการถือหุ้นประมาณ 50% จากปัจจุบันถืออยู่ประมาณ 10-20% แต่ ผู้ถือหุ้น DELTA น่าจะเสนอขายไม่มาก เพราะราคาที่ขอซื้อที่ 17 บาทใกล้เคียงกับราคาหุ้นในตลาด และ DELTA ยังเป็นหุ้นที่ให้เงินปันผลที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
“เดลต้าไต้หวัน ต้องการเข้ามาถือหุ้นใน DELTA เพราะเห็นถึงศักยภาพการเติบโต เข้ามาเกื้อหนุนธุรกิจร่วมกัน ร่วมกันทำ R&D เพื่อพัฒนาสินค้า และประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานอีกด้วย ไม่ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด รวมถึงยังต้องการให้ DELTA เป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป รวมกันแล้วมีส่วนแบ่งการตลาดในระบบเพาเวอร์อีเล็กทรอนิกส์ของโลกประมาณ 60% “นายอนุสรณ์กล่าว