ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 200 จุด ทรัมป์ไม่พบปะสี่ จิ้นผิงก่อน 1 มี.ค.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 200 จุด นักลงทุนกังวลเจรจาการค้าสหรัฐและจีน หลังทรัมป์ไม่ยอมพบปะสี่ จิ้นผิง ก่อน 1 มี.ค. เส้นตายการเจรจาด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วงยกแผง ราคาน้ำมันดิบลบกว่า 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ 25,169.53 จุด ลดลง 220.77 จุด หรือ 0.9% จากความกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกลับมาอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่พบปะกับประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงของจีนเพื่อหาข้อตกลงทางการค้าก่อนที่จะครบกำหนดการระงับการใช้มาตรการภาษีชั่วคราวในวันที่ 1 มีนาคมนี้

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่การพบปะของสองผู้นำจะไม่เกิดขึ้น แต่อาจจะมีขึ้นหลังพ้นวันที่ 1 มีนาคมไม่นานนัก และยังมีงานอีกมากที่ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการ อย่างไรก็ตามสหรัฐอาจจะคงอัตราภาษีไว้ที 10% มากกว่าที่จะบังคับใช้อัตราภาษี 25% ตามที่ประกาศไว้ในทันทีหลังจากพ้นเส้นตาย

นายลาร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์บิสซิเนส เน็ตเวิร์คว่า ยังอีกนานกว่าจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน

นายเจอโรม พาวเวลล์ประธานธนาคารกลาง(เฟด)กล่าวในกิจกรรมผู้บริหารพบพนักงานว่า เป้าหมายของเขาในการบริหารธนาคารกลางคือ สร้างความเชื่อมั่นจากสาธารณชน ซึ่งเป็นการให้ความเห็นหลังจากที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีที่เขาร่วมมื้อค่ำกับประธานาธิบดีทรัมป์หลังจากที่เฟดปรับแนวนโยบายการเงินมาเป็นการชะลอการปรับอัตราดอกเบี้ย เพราะเป็นการแสดงว่าทำเนียบขาวมีอิทธิพลต่อการดำเนินนโยบายการเงิน

ตลาดยังอ่อนตัวจากแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่ไม่สดใส โดยคาดว่าไตรมาสหนึ่งปีนี้จะชะลอตัวลง 1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบมากกว่า 2 ปี แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ปี 2018 ยังขยายตัว 14.1 จากงวดเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ยังกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปี 2018 มาที่ 1.3% จาก 1.9% ส่วนปี 2019 ประมาณการณ์ว่าจะเติบโต 1.6% ปรับลดจาก 1.7% ส่วนการเติบโตที่ไม่รวมสหราชอาณาจักรปี 2019 จะเติบโต 1.5% ลดลงจาก 2.1%ที่คาดการณ์ไว้ แต่ปี 2020จะขยายตัว 1.8% ซึ่งเป็นผลจากผลของสงครามการค้าและหนี้ภาครัฐที่สูงขึ้น

กระทรวงแรงงานเผยตัวเลขจำนวนผู้ขอยื่นรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ก่อนลดลง 19,000 รายมาที่ 234,000 ราย สูงกว่า 225,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด แต่เข้าใกล้ระดับต่ำสุด

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,706.05 จุด ลดลง 25.56 จุด,-0.94%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,288.35 จุด ลดลง 86.93 จุด,-1.2%

หุ้นแคทเธอพิลลาร์และหุ้นเดียร์แอนด์โคต่างลดลงมากกว่า 1% หุ้นโบอิ้งลดลง 0.9%

หุ้นทวิตเตอร์ลดลง 9.8% แม้ผลกำไรไตรมาสสี่ดีกว่าคาด แต่แนวโน้มผลการดำเนินงานไม่สดใส หุ้นฟิลิป มอริสเพิ่มขึ้น 1.6% จากผลการดำเนินงานไตรมาสี่ดีเกินคาด

ตลาดยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบจากคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปปรับลดประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2018 และปี 2019 ซึ่งเป็นผลจากผลของสงครามการค้าและหนี้ภาครัฐที่สูงขึ้น รวมทั้งการปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปี 2019 ของสหราชอาณาจักกโดยธนาคารกลางอังกฤษ เป็นการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit)

คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปี 2018 มาที่ 1.3% จาก 1.9% ส่วนปี 2019 ประมาณการณ์ว่าจะเติบโต 1.6% ปรับลดจาก 1.7% ส่วนการเติบโตที่ไม่รวมสหราชอาณาจักรปี 2019 จะเติบโต 1.5% ลดลงจาก 2.1%ที่คาดการณ์ไว้ แต่ปี 2020จะขยายตัว 1.8%

ตลาดยังได้รับผลจากความเห็นของนายลาร์รี่ คุดโลว ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวที่ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์บิสซิเนส เน็ตเวิร์คว่า ยังอีกนานกว่าจะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน

การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังมีผลต่อตลาด โดยหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ลดลง 12% จากผลกำไรต่ากว่าคาดและลดคาดการณ์ กำไรก่อนภาษีและดอกเบี้ยของปี 2019 ไว้ที่ 6.7 พันล้านยูโร จาก 7.3 พันล้านยูโร ขณะที่หุ้นสมิทแอนด์เนฟิวเพิ่มขึ้น 5.7% จากรายได้ที่เป็นตามนักวิเคราะห์คาด โดยบริษัทระบุว่า Brexit ไม่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจนัก

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ฌอง โคล้ด จุงเกอร์ จะพบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซ่า เมย์ ก่อนสิ้นเดือนนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัว

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,093.58 จุด ลดลง 79.51 จุด ,-1.11%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 360.08 จุด ลดลง 5.44 จุด,-1.49%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,985.56 จุด ลดลง 93.49 จุด, -1.84%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,022.02 จุด ลดลง 302.70 จุด,-2.67%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.37 เซนต์หรือ -2.5% ปิดที่ 52.64 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.06 ดอลลาร์หรือ-1.7% ปิดที่ 61.63ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์