บลจ.กสิกรไทยคัด 3 ธีมเด่นรับเมกะเทรนด์โลก พลิกพอร์ต Core & Satellite ให้เหนือเกมการลงทุน

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 69 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ แนวโน้มตลาดผันผวนมากขึ้น ชู 3 ธีมการลงทุนเด่น “The New Industrial Revolution – The Great Rewiring – The Income Diversifiers” พร้อมแนะนำจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนครอบคลุมทุกธีมการลงทุน

วิน พรหมแพทย์

นายวิน พรหมแพทย์ CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ชู 3 ธีมการลงทุนเด่นตามเมกะเทรนด์โลกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน ได้แก่ 1) The New Industrial Revolution การปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่ และภูมิทัศน์การลงทุนในยุคเปลี่ยนผ่าน 2) The Great Rewiring การเปลี่ยนแปลง ภูมิรัฐศาสตร์และโลกาภิวัฒน์ และ 3) The Income Diversifiers การสร้างกระแสรายได้หลากหลาย พร้อมชวนจัดพอร์ต แบบ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนแนะนำที่ครอบคลุมทุกธีมการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญของ บลจ.กสิกรไทย เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนรับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 ได้อย่างมั่นใจ

“บลจ.กสิกรไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2026 จะมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างครั้งใหญ่ ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นจากเงินเฟ้อที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า การแบ่งขั้วจากภูมิรัฐศาสตร์ และการค้าโลกที่แยกตัวเป็นภูมิภาค อีกทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีได้กลายเป็นปัจจัยการผลิตหลักในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรเน้นความยืดหยุ่นให้กับพอร์ต เพื่อปรับตัวได้ทันตามเทรนด์โลก”

โดยเริ่มจากธีม The New Industrial Revolution การปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่ให้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) ในฐานะปัจจัยการผลิตหลักของเศรษฐกิจยุคใหม่ การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี จึงเป็นโอกาสการลงทุนในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงจากความคาดหวังที่สูง หากบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถสร้างรายได้และกำไรได้ตามที่คาด อาจก่อให้เกิดแรงกดดันต่อมูลค่าการลงทุนได้ จึงจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยง โดยแนะนำกองทุน K-ATECH ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกองทุน K-GTECH ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้

ธีม The Great Rewiring กระแสโลกที่แบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังผลักดันให้หลายประเทศเร่งสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของชาตินิยมทางเศรษฐกิจ (Economic Nationalism) และนำไปสู่การย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่เพื่อลดความเสี่ยง (Risk-Off) โดยประเทศเกิดใหม่ในเอเชียกำลังกลายเป็น Regional Champions ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายการค้าโลก โดยแนะนำกองทุน K-INDIA ที่เน้นลงทุนในหุ้นอินเดียซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง และกองทุน K-VIETNAM ที่ลงทุนตรงในหุ้นเวียดนามและบางส่วนในหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนาม เพื่อรับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

สุดท้าย คือ ธีม The Income Diversifiers ในปีที่ธนาคารทั่วโลกกำลังอยู่ในวัฏจักรการลดดอกเบี้ย และตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่าที่ค่อนข้างสูง การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้เงินปันผลและรายได้สม่ำเสมอ เป็นอีกกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้พอร์ตได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยแนะนำกองทุน K-GPIN ที่ลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลกพร้อมกลยุทธ์ขาย Call Options เพื่อเพิ่มรายได้, กองทุน K-PROPI ที่เน้นลงทุนในหุ้นและ REITs ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ และกองทุน K-VALUE ที่เน้นหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ทั้งหมดนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการเติบโตของพอร์ตในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการบริหารสภาพคล่องในระยะสั้นหรือมากกว่า 1 ปี บลจ.กสิกรไทย ยังมีทางเลือกแทนการถือเงินสด โดยแนะนำกองทุน K-SF, K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS และ K-FIXEDPRO ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน และเงินฝากทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับกลยุทธ์การจัดพอร์ตหลัก (Core Portfolio) บลจ.กสิกรไทย ขอเสนอ 2 ทางเลือก ได้แก่

ทางเลือกที่ 1: Ready to Move เป็นการลงทุนในกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series ที่ยึดหลักการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือกทั่วโลก โดยร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบลจ.ชั้นนำระดับโลกอย่าง J.P. Morgan Asset Management เพื่อเสริมความมั่นใจและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ยกตัวอย่างกองทุน K-WPBALANCED ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นเหนือ SET Index ถึง 5% ในช่วงเดือนมกราคม–พฤศจิกายน 2568 (ที่มา : บลจ.กสิกรไทย ณ วันที่ 3 ธ.ค. 68)

ทางเลือกที่ 2: Easy DIY เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนปรับสัดส่วนหุ้นและตราสารหนี้ด้วยตัวเอง ผ่านกองทุน K-GSELECT ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก และกองทุน K-GDBOND ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้หลากหลายประเภททั่วโลก โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ในระดับที่น่าสนใจ

นายวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio นอกจากจะช่วยให้การลงทุนระหว่างทางมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการวางแผนชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ โดยสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.กสิกรไทยสามารถปรับพอร์ตให้เติบโตพร้อมรับการเกษียณได้ 2 ทางเลือก ได้แก่

1) เลือกกองทุนในกลุ่ม K-WealthPLUS Series มาเป็น Core Portfolio ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยสมาชิกสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ตามอายุหรือสถานะทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป

2) เลือกแผนการลงทุน Life Path Model ที่ผู้จัดการกองทุนจะปรับลดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงให้อัตโนมัติตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยการลงทุนแบบ Life Path จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในช่วงใกล้เกษียณ เพื่อให้สมาชิกมีเงินใช้จ่ายยาวนานขึ้นหลังเกษียณ

พร้อมกันนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดทำ “2026 INVESTMENT PLAYBOOK” เป็นคู่มือการลงทุนในปีหน้า พร้อมจัดพอร์ตการลงทุน รับมือความผันผวนมากขึ้น คลิก
https://www.kasikornasset.com/th/market-update/Pages/2026_Investment_Playbook.aspx

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–