HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนสเพิ่มขึ้น 202 จุด ความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้งหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หุ้น Alphabet ปลุกกระแสการซื้อขาย AI อีกครั้ง ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 24พฤศจิกายน 2568 ปิดที่ 46,448.27 จุด เพิ่มขึ้น 202.86 จุด หรือ +0.44% จากความเชื่อมั่นที่กลับมาอีกครั้งว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,705.12 จุด เพิ่มขึ้น 102.13 จุด, +1.55%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,872.01 จุด เพิ่มขึ้น 598.92 จุด, +2.69%
ดัชนีS&P 500 พุ่งขึ้น และ ดัขนี Nasdaq ทำสถิติรายวันดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
จากการที่ Alphabet ปลุกกระแสการซื้อขาย AI อีกครั้ง หลังจากหุ้น AI ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้
หุ้น Alphabet เพิ่มขึ้น 6.3% และปิดตลาดเหนือระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 300 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อสถานะของบริษัทในการแข่งขันด้าน AI สัปดาห์ที่แล้ว Google ได้ประกาศเปิดตัว Gemini 3 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ได้รับการอัปเกรด หลังจากการเปิดตัว Gemini 2.5 ได้ 8 เดือน
การปรับขึ้น Alphabet ได้ขยายวงไปยังบริษัทอื่นๆ ในธุรกิจ AI โดย Broadcom พุ่งขึ้น 11.1% ขณะที่ Micron Technology เพิ่มขึ้น 8% หุ้น Palantir Technologies และ AMD พุ่งขึ้น 4.8% และ 5.5% ตามลำดับ ส่วน Nvidia บวกกว่า 1.5% หุ้น Tesla พุ่งขึ้น 7% หลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์แนวโน้มขาขึ้น
Deutsche Bank คาดว่า ปี 2026 จะเป็นอีกปีที่แข็งแกร่งจาก AI โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นแตะ 8,000 จุดภายในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัวลง ส่งสัญญาณความเชื่อมั่นที่กลับมาอีกครั้งต่อการปรับดอกเบี้ยของเฟด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปิดที่ 4.057% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ดัชนีวัดความผันผวน VIX ร่วงลง 9.3% มาอยู่ที่ 21.25 แสดงให้เห็นว่านักลงทุนออกจากการป้องกันความเสี่ยงแบบตั้งรับ
แม้สัปดาห์นี้วันซื้อขายสั้นลงเนื่องจากมีวันขอบคุณพระเจ้า และคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะบาง แต่นักลงทุนยังมองถึงความเป็นไปได้ของการลดอัตราดอกเบี้ย หลังจาก คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และจอห์น วิลเลียมส์ ผู้กำหนดนโยบายที่มีอิทธิพล ให้ความเห็นในเชิงปูทางไปสู่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด ในเดือนหน้า
ผู้ว่าการเฟดคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน โดยอ้างถึงภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและตลาดแรงงานที่ซบเซาเป็นเหตุผลในการผ่อนคลายนโยบาย จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ย้ำว่า “การปรับนโยบายในระยะสั้น” จะช่วยให้จุดยืนด้านนโยบายใกล้เคียงกับระดับที่เป็นกลาง ขณะที่ซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตัน ยังคงระมัดระวัง แต่ไม่ได้ปฏิเสธความจำเป็นในการดำเนินการใดๆ
การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้าจะเริ่มทยอยเข้ามาในสัปดาห์นี้ ก็จะช่วยในการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ย ในวันอังคาร ตลาดจะได้รับข้อมูลอัปเดตราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกประจำเดือนกันยายน รวมถึงข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน และข้อมูลอื่นๆ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะได้เห็นข้อมูลเงินเฟ้อ 4 วัน ก่อนการประชุมในเดือนธันวาคม เนื่องจาก กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงว่าจะเปิดเผยดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลประจำเดือนกันยายนในวันที่ 5 ธันวาคม
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงปรับตัวดีขึ้นจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเดือนหน้า ขณะที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับความคืบหน้าของแผนสันติภาพยูเครน
การส่งสัญญานว่าอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงในระยะใกล้ ของจอห์น วิลเลียมส์ ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลเชิงบวกต่อตลาดสหรัฐฯ ได้มีผลต่อเนื่องเชิงบวกในตลาดยุโรปเช่นกัน
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 562.88 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด, +0.14%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,534.91 จุด ลดลง 4.80 จุด, -0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,959.67 จุด ลดลง 22.98 จุด, -0.29%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,239.18 จุด เพิ่มขึ้น 147.31 จุด, +0.64%
ดัชนีกลุ่มเทคโนโลยีหนุนตลาดมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.4% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI เป็นผู้นำในการปรับตัวเพิ่มขึ้น
หุ้นผู้ผลิตอุปกรณ์ชิป ASML พุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นผู้ผลิตชิป Infineon เพิ่มขึ้น 3% ขณะที่
หุ้น Siemens Energy ซึ่งจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานขนาดใหญ่สำหรับการผลิตชิป พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากการร่วงลง 10.1% เมื่อวันศุกร์
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ และกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ต่างเพิ่มขึ้นประมาณ 1.9%
ขณะที่หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุเพิ่มขึ้น 1.5%
หุ้นรถยนต์ยุโรปเพิ่มขึ้น 1% Goldman Sachs มองว่าผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียมของยุโรปเป็นหุ้นที่ undervalued ที่สุด และเริ่มต้นการวิเคราะห์หุ้น Mercedes ด้วยคำแนะนำซื้อ ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 0.8% หุ้น Stellantis ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.4% นั้นแนะนำ ถือ
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศยังถูกเทขายต่อเนื่อง โดยลดลง 2.1% เนื่องจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนในสวิตเซอร์แลนด์ที่มุ่งยุติสงครามในยูเครน
การปรับตัวขึ้นของดัชนี STOXX 600 ในปีนี้ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจากแนวโน้มการใช้จ่ายของ NATO ที่สูงขึ้น แต่ความคืบหน้าในการยุติการสู้รบที่อาจเกิดขึ้นอาจทำให้นักลงทุนลดการซื้อขายภาคส่วนนี้ลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.34% ปิดที่ 58.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

