NTF กำไรยังกระโดดอีกไกล ขาย IPO ธ.ค.นี้ เพิ่มศักยภาพส่งออกทุเรียนพรีเมี่ยม

HoonSmart.com>> “เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป” (ประเทศไทย) หรือ “NTF” ผู้ส่งออกและจำหน่ายในประเทศผลไม้คัดเกรดพรีเมี่ยม โดยเฉพาะทุเรียนสายพันธุ์หมอนทอง นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำสถิติกำไรเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2565 จนถึงงวดครึ่งแรกปี 2568 ซึ่งแนวโน้มยังมีโอกาสโตสูงในระยะยาว หลังจากเสนอขายหุ้น IPO ในเดือนธ.ค.นี้  ชูจุดเด่นเรื่องโมเดลธุรกิจที่ทำให้กำไรพุ่งแรงแซงหน้ารายได้และมีการบริหารความเสี่ยงการขาดทุนอย่างครบวงจร

“วิชัย ศิระมานะกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย)  กล่าวว่า  NTF พร้อมจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) ภายในเดือนธ.ค.นี้ จำนวน 60 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท มูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 1.70 บาท เพื่อระดมเงินสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สนับสนุนกำไรสูงขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยรายได้หลักกว่า 99% มาจากการส่งออกผลไม้พรีเมี่ยมไปยังประเทศจีน มุ่งเน้นทุเรียน รวมถึง ลำไย มะพร้าว  ภายใต้แบรนด์ลิขสิทธิ์ในประเทศไทยและประเทศจีนของบริษัทฯ และภายใต้แบรนด์ของลูกค้าพันธมิตร

เงินที่ระดมมาได้จากการขายหุ้น IPO  จะนำไปลงทุนด้านระบบและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการผลิต ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคัดเกรดและบรรจุผลไม้ เพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล ช่วยร่นระยะเวลาการทำงานได้มากกว่า 50% และลดต้นทุนการผลิต จากปัจจุบันได้นำมาใช้กับโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้งผลไม้) 1 แห่งแล้วได้ผลคุ้มค่ามาก วางแผนจะนำไปใช้กับโรงคัดบรรจุผลไม้ที่มีอยู่ทั้งหมด 5 แห่ง รวมถึงมีเงินทุนหมุนเวียนในการเพิ่มกำลังผลิต  รองรับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ๆ เนื่องจากประเทศจีนยังคงมีความต้องการทุเรียนจากประเทศไทยอีกมาก  ปัจจุบันชาวจีนบริโภคทุเรียนคนละ 1 กก./ปี ขณะที่คนไทยและมาเลเซียบริโภคคนละ 5 กก./ปี และ 13 กก./ปี  พร้อมรับจัดหา (OEM) ให้กับลูกค้าในตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรปด้วย

นอกจากนี้ยังนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระคืนเงินกู้ธนาคาร เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายและทำให้ฐานะการเงินมั่นคงยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทฯมีการกู้เงินระยะสั้นมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 บริษัทฯ มีเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน จำนวน 106.2 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ) อยู่ที่ 1.0 เท่า

กำไรพุ่งนำรายได้

เอ็นทีเอฟฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารหลายแห่งและมีการใช้เงินกู้ยืมระยะสั้นมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อทุเรียนเกรดพรีเมี่ยมตอบสนองความต้องการของตลาดที่มากขึ้น ทำให้รายได้เติบโตก้าวกระโดดนับตั้งแต่ปี 2565-2567 เฉลี่ย 79% โดยเฉพาะในปี 2568 เพียงครึ่งปีเพิ่มขึ้น 189% เป็น 1,673 ล้านบาท จากระดับ 583 ล้านบาท เกือบถึงเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้จำนวน 1,800  ล้านบาท จึงต้องปรับประมาณการขึ้นเป็น 2,900 ล้านบาท

ขณะที่กำไรกลับทะยานขึ้นแรงกว่า คือในช่วง 3 ปี (2565-2567) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 183% และครึ่งปีนี้พุ่งขึ้นถึง 286% เป็น 166 ล้านบาท จากจำนวน 43 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2567  เพราะอัตรากำไรสุทธิดีขึ้นอย่างชัดเจน จากระดับ 2.3% 4.0% และ 5.7% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 9.9 %ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

” กำไรและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น มาจากกลยุทธ์การเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ได้แก่ ทุเรียน ลำไย โดยเฉพาะครึ่งปี 2568  ผลผลิตทุเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากส่งผลให้ต้นทุนราคาในประเทศลดลง  ขณะที่ราคาปลายทางลดลงในอัตราที่น้อยกว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีศักยภาพในการรักษามาตรฐานคุณภาพผลไม้พรีเมี่ยม และระดับความสุกของผลไม้ให้พร้อมทานเมื่อถึงมือผู้บริโภคได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ NTF ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพด้วย จากการบริหารจัดการโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในวงการส่งออกผลไม้มากกว่า 10 ปี”

นอกจากนี้กำไรที่โตมาก มาจากพลังเงินทุนที่ได้รับการสนนุนจากสถาบันการเงินในการซื้อผลไม้เพิ่มขึ้น เมื่อบริษัทเข้าตลาดหุ้น นอกจากคืนหนี้ธนาคาร เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยแล้ว ยังมีเงินทุนหมุนเวียน สำหรับรองรับยอดสั่งซื้อจากลูกค้า เนื่องจากความต้องการผลไม้ทุเรียนของประเทศจีนยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ยังนำเงินไปลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องคัดบรรจุทุเรียนสด สร้างการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรสูงอย่างต่อเนื่อง
ความเสี่ยงต่ำ

ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น เพราะโมเดลธุรกิจของ NTF โดดเด่น ในการส่งออกผลไม้พรีเมี่ยม ขายได้ราคาสูงกว่าผลไม้ทั่วไป ขณะที่บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายคงที่ไม่มาก ได้รับออเดอร์จากลูกค้าก่อนจึงสั่งซื้อสินค้า จึงไม่มีการสต็อกสินค้าล่วงหน้า

ขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่การกำหนดราคาขายอย่างเป็นระบบการส่งต่อต้นทุนบวกพรีเมี่ยมทุกครั้ง รับซื้อเฉพาะสินค้าที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและบรรจุลงกล่องแล้วเท่านั้น กรณีตรวจพบสินค้าไม่ได้คุณภาพ ล้งผลไม้เป็นผู้รับผิดชอบ  และหากเสียหายระหว่างขนส่ง บริษัทประกันรับผิดชอบ โดยบริษัทขนส่งผ่านทางบกประมาณ 80%  ด้านความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ( forward contract) ทั้ง 100% สะท้อนการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพของ NTF ได้เป็นอย่างดี

ส่งออกทุเรียนคุณภาพดีได้ตลอดทั้งปี

ทุเรียนสดที่ส่งออกภายใต้แบรนด์ของ NTF เป็นทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองเป็นหลัก มาจากแหล่งปลูกคุณภาพกระจายในหลายจังหวัด  ซึ่งแต่ละภูมิภาคมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัวที่สะท้อนในรสชาติและคุณภาพ  โดยเอกลักษณ์ของทุเรียน NTF คือมีรสชาติอร่อย ความหวานได้คุณภาพ ผลสะอาด ปลอดเชื้อราและแมลง รูปทรงกลมสวย มีหนามสมบูรณ์ ไม่มีความผิดปกติด้านรูปทรงและไม่มีตำหนิ นอกจากนี้ยังมีการส่งออกลำใย สายพันธุ์อีดอ จากจันทบุรี และลำพูน ส่วนผลไม้อื่น ได้แก่ ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนแกะเนื้อ ชมพู่ และลองกอง เป็นต้น
NTF มีความสามารถในการจัดหาสินค้าสม่ำเสมอ โดยทำสัญญา Exclusive กับล้งผลไม้อย่างน้อย 1 ปี

ทางด้านผลผลิตทุเรียน ลำใยและมะพร้าว ก็มีออกมาตลอดทั้งปี  บริษัทฯนำหลักทางวิทยาศาสตร์ มาใช้รวมกับการตรวจเช็ค ตั้งแต่อากาศ อุณหภูมิ ปุ๋ย ยา ผสมภูมิปัญญาชาวบ้านมานาน พร้อมให้ความสำคัญกับเรื่องเวลา อุณหภูมิ  ในการส่งผลไม้ถึงมือผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างความจดจำแบรนด์ของบริษัท แม้ว่าจะมีคู่แข่งจากเวียดนาม มาเลเซียและฟิลิปปินส์ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากผลไม้มีฤดูกาล (Seasonal Effect) และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ อาจส่งผลให้รายได้และผลประกอบการไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ NTF มีมาตรการลดความเสี่ยง โดยกระจายแหล่งจัดหาสินค้าตามภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีฤดูกาลแตกต่างกัน เพื่อให้สามารถจัดหาสินค้าได้ตลอดทั้งปี, ติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ผลกระทบและปรับกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์, ให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการจัดการการเกษตรที่ยั่งยืนผ่านเจ้าหน้าที่โรงคัดบรรจุ, อยู่ระหว่างพิจารณาขยายแหล่งจัดหาสินค้าไปยังประเทศใกล้เคียงที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศเวียดนาม สื่อสารแผนและปริมาณการผลิตกับโรงคัดบรรจุอย่างใกล้ชิด
ลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่

กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ คือ ผู้ค้าส่งผลไม้ในประเทศจีนรวมประมาณ 15 ราย ในเมืองเซี่ยงไฮ้และกวางเจา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าผลไม้สดที่สำคัญและใหญ่เป็นอันดับต้นของประเทศจีน มีการกระจายสินค้าของ NTF ทั่วประเทศ สร้างรายได้จากการขายมากกว่า 90%  จึงมีบริหารความเสี่ยงจากการมีลูกค้าน้อยรายและกระจุกตัวของลูกค้าในประเทศจีน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ เริ่มขยายตลาดไปยังฮ่องกงและสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานลูกค้าและลดความเสี่ยง รวมถึงมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มลูกค้าจีนทางตอนบนของประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในเขตกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางตลาดค้าผลไม้ของภาคเหนือ เป็นต้น

นอกจากนี้วงจรเงินสดของ NTF อยู่ที่ประมาณ 30-40 วัน  มีการติดตามการเก็บหนี้และมีการติดตามสภาพคล่องทุกสัปดาห์ฝ่ายการเงินและฝ่ายขายจะมีการติดตามสภาพคล่องลูกหนี้การค้าอย่างใกล้ชิด  ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีเก็บหนี้ไม่ได้

“เรายังคงมุ่งมั่นผลักดันผลไม้ไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก พร้อมยกระดับมาตรฐานการส่งออกให้มีความยั่งยืน โดย NTF จะยังคงพัฒนาเครือข่ายคู่ค้าพันธมิตรและระบบบริหารจัดการ Supply Chain ให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดส่งออกผลไม้พรีเมียมในภูมิภาค” นายวิชัย กล่าว

เป้าหมายของการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้าในการติดต่อและทำธุรกิจร่วมกัน และเพื่อจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม รองรับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพหลายราย ส่งออกในตลาดที่มีศักยภาพสูง สนับสนุนการเติบโตของกำไรในระยะยาว และตอบแทนผู้ถือหุ้น บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เชื่อว่าหุ้น NTF จะได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนทั้งในการเสนอขายหุ้น IPO และเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว