HoonSmart.com>>”กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” (GULF)เผยกรณีได้รับหนังสือจากธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ขอความร่วมมือให้ถือหุ้นระหว่างธนาคารเปิดโครงการซื้อหุ้นคืน 14 พ.ย 68-13 พ.ค. 69 ยืนยันการลงทุนในหุ้น KBANK เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้บริษัทและผู้ถือหุ้น ไม่ได้ส่งตัวแทนนั่งกรรมการหรือมีส่วนร่วมบริหาร ด้านธนาคารกสิกรไทยชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้ถือหุ้นที่อยู่นอกกลุ่มธนาคาร มีอิสระในการซื้อหรือขายหุ้นเต็มที่
น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัท กัลฟ์ฯได้รับข้อซักถามจากผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับผลกระทบกรณีที่คณะกรรมการธนาคารกสิกรไทย มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงินระหว่างวันที่ 14 พ.ย 2568 ถึงวันที่ 13 พ.ค. 2569
อนึ่ง ในวันเดียวกัน ธนาคารฯ ได้มีหนังสือขอความร่วมมือมายังบริษัทฯ เพื่อขอความร่วมมือมิให้บริษัทฯ จำหน่ายหุ้นของธนาคารฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การลงทุนในหุ้นของธนาคารฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ ไม่ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการหรือฝ่ายบริหารของธนาคารฯ และไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการหรือกำหนดนโยบายของธนาคารฯ รวมถึงนโยบายการซื้อหุ้นคืนดังกล่าว
ทั้งนี้ การประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนของธนาคารฯ มิได้เป็นการจำกัดสิทธิของบริษัทฯ ในการซื้อหรือขายหุ้นของธนาคารฯ แต่อย่างใด โดยธนาคารฯ ต้องดำเนินการภายใต้กฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา GULF ได้เข้าซื้อหุ้น KBANK จำนวน 5,399,600 หุ้น เท่ากับ 0.2278% ในราคาสูงสุด 169.50 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 915 ล้านบาท ทำให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 119,149,900 หุ้น หรือ 5.0288%
ก่อนหน้านี้กัลฟ์ฯถือหุ้น KBANK จำนวน 107,342,600 หุ้น ได้รับเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้ที่ 2 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 214.68 ล้านบาท
ทางด้านธนาคารกสิกรไทยชี้แจงเพิ่มเติมว่า โครงการซื้อหุ้นคืน ธนาคารได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ถือหุ้นที่มิใช่บุคคลภายในกลุ่มธนาคาร เช่น กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ จึงยังคงมีสิทธิและยังสามารถใช้ดุลพินิจโดย
อิสระในการที่จะพิจารณาซื้อหรือขายหุ้นของธนาคารได้ตลอดเวลาตามความประสงค์ของผู้ถือหุ้นในการลงทุน ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลัก ธรรมาภิบาล (Good Governance) โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกคนอย่างเท่าเทียม และเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นทุกราย
ด้านราคาหุ้น KBANK เช้าวันที่ 3 พ.ย. 2568 ร่วงลงไปต่ำสุด 183.50 บาท ก่อนฟื้นมาปิดบวก 187.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 0.54%

