BYD โต้ข่าวหนี้สูญ-ปักหมุดธุรกิจ ปี’70 รายได้ 1 พันลบ.-กำไรบวก

HoonSmart.com>>บล.บียอนด์ ไม่หวั่นข่าวหนี้สูญ ปักหมุดธุรกิจปี’70 รายได้ 1,000 ล้านบาท กำไรสุทธิกลับมาเป็นบวกจากขาดทุนกว่า 2,427 ล้านบาท เน้นเป็นเวลู่โบรกเกอร์ แทนการแข่งขันด้านราคา ด้านธุรกิจเวลท์ฝันใหญ่ AUM แตะ 50,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ 15,000 ล้านบาท

นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บล. บียอนด์ (BYD) เปิดเผยว่า  ปี 2570 ตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 500 ล้านบาท และตั้งเป้าธุรกิจเวลท์ จะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แตะ 50,000 ล้านบาท จากไตรมาส 2 ปี 2568 ที่มี 15,000 ล้านบาท

ด้านกำไรสุทธิ ตั้งเป้าหมายจะกลับมาเป็นบวก จากที่ขาดทุนสุทธิ 2,427.55 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้ที่ปล่อยให้กับบริษัทไทย สมาย์ บัส (TSB) บริษัทลูก

ในปี 2570 แผนธุรกิจของ TSB จะมีความคืบหน้าด้านรายได้ สามารถชำระหนี้คืนได้ตามเงื่อนไข จะทำให้เงินที่ตั้งสำรองฯตีกลับมาเป็นรายได้ของบริษัท และยังมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยเงืนกู้ยืมจาก TSB อีกปีละราว 500 ล้านบาทต่อปี

สำหรับ กลยุทธ์การสร้างรายได้ให้เติบโตตามเป้าที่วางไว้ จะเน้นการเติบโตเชิงคุณค่า (Value Broker) และการขยายฐานธุรกิจ

1.เน้นการเติบโตด้านรายได้ที่หลากหลาย จากค่าธรรมเนียมที่ให้คำแนะนำและสร้างมูลค่าแก่ลูกค้า ไม่เน้นการดั๊มพ์ราคาเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากรายได้ค่านายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมฯ) ที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 0.07%  ในขณะที่บียอนด์ เก็บอยู่ 0.0 8-0.09%
ทั้งนี้ รายได้ล่าสุด เดือน ก.ย.ทำสถิติ New High ที่ 40 ล้านบาท สวนกระแสตลาดหุ้นที่ชะลอตัว โดยรายได้จากธุรกิจเวลท์แซงหน้ารายได้ธุรกิจหลักทรัพย์แล้ว
“ธุรกิจเวลท์ ตลาดของเราคือนิติบุคคล ซึ่งมาจากพันธมิตรทางธุรกิจ ที่เขามีเงินลงทุนจำนวนมาก ทำให้ฝันใหญ่ว่าจะมี AUM 5 หมื่นล้านบาทในปี’70 ซึ่งเราต้องไปให้ถึง”นายชัยพัชร์ กล่าว

นายชัยพัชร์ กล่าวว่า พอร์ตมาร์จิ้นของบริษัทปัจจุบัน ลดลงเหลือ 300–400 ล้านบาท จากเดิม 800 ล้านบาท ขณะที่หนี้เสียอยู่ในระดับหลักสิบล้านบาท และตั้งสำรองครบถ้วนแล้ว ด้านคดีความ ชนะคดีลูกหนี้มาร์จิ้น 2 ราย และอยู่ระหว่างบังคับคดี ซึ่งอาจทำให้เงินสำรองกลับมาเป็นรายได้ในไตรมาส 3

ขณะที่ ส่วนทุนคงเหลือ 4,900 ล้านบาทหลังตั้งสำรองความเสี่ยงไปแล้ว 7,500 ล้านบาท  <โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่องสุทธิ กว่า 900 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องคล่องสุทธิ (NCR) อยู่ที่ 230% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 7% อย่างมาก ส่งผลให้สามารถประกอบธุรกิจและให้บริการได้อย่างครบถ้วนในทุก ๆ ด้านมาโดยตลอด

2. กลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน และการขยายธุรกิจ ที่มีการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้อย่างหนัก และมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าสู่ธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้และโดยเฉพาะในปี 2569  บริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนและขยายตัวผ่านการเพิ่ม “ของ” และ “คน”:
การเพิ่ม “ของ”หมายถึงการเพิ่ม ผลิตภัณฑ์ (product) หรือบริการ (service) ที่มากขึ้น
การเพิ่ม “คน”:หมายถึงการเพิ่มบุคลากร ได้แก่ เซลล์ (sales), RM (Relationship Managers), และลูกค้าการขยายฐานคนและผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยให้บริษัทขยายตัวได้ เนื่องจากธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลกำไรส่วนเพิ่ม

3. แผนงานเชิงปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย 1,000 <span;>ล้านบาท โดยการดำเนินการพัฒนาด้านการเตรียมและพัฒนา แพลตฟอร์ม,การเตรียมพร้อมเรื่องคนด้านการตลาด, การพัฒนาเทคโนโลยี,การขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ,การทำการตลาด

หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ ธุรกิจหลักทรัพย์คาดว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดี และในปีถัดไป (ปี 2570) บริษัทคาดว่าจะสามารถ พลิกฟื้น (เทิร์น) ขึ้นมาได้ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับเป้าหมายรายได้ที่วางไว้

สำหรับ งานด้านวาณิชธนกิจ BYD ยังมีลูกค้าเตรียม IPO จำนวน 4 ราย โดยในปี 2568 มีการยื่นผ่านแล้ว 1 ราย และอีก 1 รายอยู่ระหว่างดำเนินการ หนึ่งในนั้นเป็นธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่มียอดขายปีละ 5,000 ล้านบาท ส่วนจะเข้าตลาดภายในปีนี้หรือไม่กำลังหารือกัน

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ร่วมอันเดอร์ไรท์เตอร์มากที่สุดในปีนี้ เพราะมีพันธมิตรทางธุรกิจที่เหนียวแน่น

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ข่าวหนี้เสียขนาดใหญ่ ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นจากตลาดต่อบริษัท  โดยเฉพาะกรณีสอบถามจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้ตัวเลขบัญชีจะยังแข็งแรง และข้อมูลเหล่านั้นมีการใส่ไว้ในงบการเงินไตรมาส 2 ไปหมดแล้ว