CGSI อัพเป้ากำไร CKP ปี 68-70 มูลค่าเหมาะสมเป็น 3.70 บาท ปันผล 3.6%

HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอสฯมอง”ซีเค พาวเวอร์” (CKP) แข็งแกร่งยาว เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 3.70 บาท จาก 3.30 บาท อัตราผลตอบแทนปันผล 3.6% ปรับประมาณการกำไรปี 68-70  อีก 50% ,22%, 18% จากต้นทุนการเงินลดลง 11-15% มีโอกาสสูงที่จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา หนุนปริมาณขายไฟของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์  คาดว่า ในปี 2568 จะเป็นปีที่ดีของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เนื่องจากการทำกำไรน่าจะใกล้เคียงกับปี  2564 และ 2565 คือกำไรครึ่งปีหลังมีสัดส่วนสูงกว่า 60% และไม่มีขาดทุนสุทธิเลยทั้งสี่ไตรมาสในปีดังกล่าว แม้แต่ช่วงที่ฤดูกาลอ่อนตัว QoQ โดยปัจจัยหนุนมาจากปริมาณน้ำของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) ที่น่าจะมีระดับน้ำสูง เหมาะสมต่อการผลิตไฟอย่างมีประสิทธิภาพช่วงฤดูมรสุมในไตรมาส 3 จึงคาดปริมาณการขายไฟจะเพิ่มขึ้น 24% YoY และ 54% QoQ ตามลำดับ

นอกจากนี้ คาดว่า XPCL จะมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ขณะที่การพยากรณ์ ENSO (El Niño–Southern Oscillation) ของสถาบัน International Research Institute for Climate and Society (IRI) ชี้ว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) มากขึ้น อาจส่งผลดีต่อโรงไฟฟ้าไปถึงช่วงต้นปี 2569 เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาส 4/2567-ไตรมาส 1/2568 และเพิ่มความเป็นไปได้ในการทำกำไรสุทธิไตรมาส 1/2569 ได้

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ปัจจัยมหภาคจะช่วยหนุนผลประกอบการ CKP โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากประมาณการเดิมของฝ่ายวิเคราะห์ฯ 11-15% ในปี 2568-2570 ส่งผลให้ความสามารถการทำกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) ที่ปิดซ่อมบำรุงใหญ่และอาจหยุดผลิตนอกแผน จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าลดลง 24% YoY และ 22% QoQในไตรมาส 3

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจาก BIC จะถูกชดเชยด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแก่รงของ NN2 และ XPCL ที่คาดว่าจะเติบโตสูงจากสภาพทางอุทกวิทยาที่เอื้ออำนวยและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิหลักขึ้น 50% ในปี 2568, 22% ในปี 2569 และ 18% ในปี 2570 จากประมาณการเดิม ยังแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 3.70 บาท จาก 3.30 บาท มอง CKP มีอัตราส่วนกำไรของ EBITDA สูงที่สุดในอุตสาหกรรม รวมทั้งมีสถานะการเงินแข็งแกร่งและมี ROE สูงขึ้นเป็น 7% (เทียบ 5% ในปี  2567) นอกจากนี้ คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% (เทียบสมมติฐานเดิม 3%) จากนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% สะท้อนแนวโน้มกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้น

มองว่า downside risk คือ การที่ CKP พึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นหลักและมีแรงกดดันในการแข่งขันจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ส่วนปัจจัยบวกจะมาจากการที่อ่างเก็บน้ำมีระดับน้ำสูง ซึ่งจะส่งผลให้มีการผลิตไฟฟ้ามากขึ้นและการเปิดเชิงพาณิชย์โครงการใหม่ๆเร็วกว่าคาด

ด้านราคาหุ้น CKP ราคานิ่งปิดที่ 2.88  บาท สำหรับการซื้อขายครึ่งวันที่ 8 ก.ย. 2568