HoonSmart.com>>บลจ.กรุงไทย(KTAM) มอง “หุ้นไทย” ต้องจับตาผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังศาล รธน.มีมติ “แพทองธาร” พ้นนายก – ครม.หลุดทั้งคณะ ความเสี่ยงเปลี่ยนขั้วการเมืองสูงขึ้น นโยบายรัฐมีความไม่ชัดเจนมากขึ้นกระทบแนวโน้มเศรษฐกิจ กำไรบจ. แนะ “ระมัดระวัง” หุ้นไทยในระยะสั้น
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) มีมุมมองหลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีมติให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ อาจทำให้ความเสี่ยงด้านการเมืองของประเทศไทยสูงขึ้น โดยในขั้นตอนที่ต้องติดตามต่อไป คือ การสรรหานายกฯ คนใหม่ ว่ากระบวนการดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้เร็วเพียงใด พรรคเพื่อไทยอาจจะมีการผลักดัน นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 ของพรรค ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่แทน แต่ก็ต้องติดตามว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมหรือไม่
นอกจากนี้ ความเสี่ยงในการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองก็สูงขึ้นด้วย และความเสี่ยงในการยุบสภาก็สูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองจะสูงขึ้นนี้ ทำให้นโยบายของรัฐบาลมีความไม่ชัดเจนมากขึ้น กระทบต่อไปยังแนวโน้มเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนในอนาคต ทำให้เรามีมุมมอง “ระมัดระวัง” ต่อตราสารทุนไทยในระยะสั้นนี้
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เมื่อพิจารณาถึงเจตนาจึงเป็นเรื่องร้ายแรง มีพฤติกรรมฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม ทำให้ขาดคุณสมบัติตามรธน. 165 เรื่องอื่นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย อาศัยเหตุผลข้างต้นจึงวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว นับแต่ 1 ก.ค. 2568 ตั้งแต่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ ครม. พ้นทั้งคณะ
ตลาดตอบรับคำวินิจฉัยดังกล่าวในเชิงลบ โดย SET Index ปรับตัวลดลงที่ -13.48 จุด มาปิดสิ้นวันที่ระดับ 1,236.61 จุด หรือลดลงที่ -1.08% (ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 29 ส.ค. 68)
———————————————————————————————————————————————————–
