HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง โดยดัชนีดาวโจนส์ลบ 92.02 จุด, S&P500 ลบ 41.60 จุด, Nasdaq ลบ 249.61 จุด ขายทำกำไร เงินเฟ้อ Core PCE เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับที่คาด ด้านตลาดยุโรปปิดลบ ส่วนราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 29 สิงหาคม 2568 และดัชนี S&P 500 ต่างอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนเทขายหุ้นบางส่วนในช่วงสุดสัปดาห์ยาว หลังจากดัชนีหลักทำลายสถิติใหม่ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ประเมินข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่ปรับตัวสูงขึ้นเหนือเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 45,544.88 จุด ลดลง 92.02 จุด, -0.20%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,460.26 จุด ลดลง 41.60 จุด, -0.64%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,455.55 จุด ลดลง 249.61 จุด, -1.15%
ดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภคพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานและเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปีและเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ตัวเลขทั้งสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ แต่เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
เอลเลน เซนท์เนอร์ หัวหน้านักกลยุทธเศรษฐกิจจากฝ่ายบริหารความมั่งคั่งของ Morgan Stanley กล่าวว่า เฟดเปิดที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ขนาดของการเปิดนี้จะขึ้นอยู่กับว่าภาวะอ่อนแอของตลาดแรงงานยังคงดูเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นหรือไม่ ดัชนี PCE ที่สอดคล้องกับคาดการณ์ในวันนี้จะยังคงทำให้ตลาดแรงงานมีความสำคัญ ในขณะนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 87% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายนหลังจากการรายงาน PCE
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Baird เชื่อว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในวันนี้อาจมีการขายทำกำไรเล็กน้อยหลังจากที่ปรับขึ้นด้วยผลประกอบการ ซึ่งทำให้ดัชนี S&P 500 ปิดเหนือระดับ 6,500 จุดเป็นครั้งแรกในวันพฤหัสบดี เพราะตัวเลข PCE อยู่ในเกณฑ์ดี
Nvidia เป็นหนึ่งในหุ้นที่ร่วงลงมากที่สุดในวันศุกร์ โดยร่วงลงมากกว่า 3% หลังจากวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า Alibaba ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน ได้พัฒนาชิปที่ล้ำหน้าขึ้น เพื่อทดแทนส่วนที่ Nvidia ประสบปัญหาในการขายชิปในจีน หุ้น Alibaba ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 13%
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรได้กลับมาเป็นประเด็นสำคัญอีกครั้งหลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่น่ากังวล Caterpillar เตือนว่าอาจได้รับผลกระทบ 1.5-1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้จากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลงมากกว่า 3% และ Gapยังกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่าภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบต่อกำไร ซึ่งเมย์ฟิลด์กล่าวว่า ทั้งสองความเห็นยิ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนในวันศุกร์แย่ลง
แม้ปรับลงในวันศุกร์แต่ตลอดทั้งเดือนสิงหาคม ดัชนี S&P 500 และดัชนี Dow ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% และ 2% ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่ดัชนีทั้งสองปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วน Nasdaq ปิดเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคเดือนสิงหาคมลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 58.2 ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 58.6 และจาก 61.7 ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นในปีหน้า
ตลาดปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันแรงงาน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากร่วงลงของธนาคารในอังกฤษ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยูโรโซน
หุ้น Natwest ร่วงลง 4.8% ขณะที่หุ้น Barclays และ Lloyds ร่วงลง 2.2% และ 3.4% ตามลำดับ เนื่องจากสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งแนะนำให้รัฐบาลอังกฤษเก็บภาษีรายรับดอกเบี้ยที่มีมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ที่ธนาคารพาณิชย์ได้จากธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) จากเงินสำรองที่ฝากไว้กับ BoE ซึ่งส่งผลกระทบต่อดัชนีธนาคารโดยรวมให้ลดลง 0.9% และปรับตัวลดลงเป็นครั้งที่ 6 นับเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 550.14 จุด ลดลง 3.53 จุด, -0.64%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,187.34 จุด ลดลง 29.48 จุด, -0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,703.90 จุด ลดลง 58.70 จุด, -0.76%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,902.21 จุด ลดลง 137.71 จุด, -0.57%
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดลดลง 0.6% ถือเป็นการปรับลงรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบสี่สัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส
ความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มเป็นที่จับตามากขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มความพยายามในรณรงค์เพื่อควบคุมนโยบายการเงินให้มากขึ้น รวมถึงความพยายามปลดผู้ว่าการรัฐลิซ่า คุก ขณะที่คุกได้ยื่นฟ้องเมื่อวันพฤหัสบดี โดยระบุว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการปลดเธอออกจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ และบ่งชี้ว่าภาษีศุลกากรมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่ออัตราเงินเฟ้อ ทำให้คาดว่าจะไม่ขวางธนาคารกลางสหรัฐฯ จากการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าได้ เนื่องจากภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลง
แต่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในเดือนกันยายน หลังจากลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 8 ครั้งนับตั้งแต่กลางปี 2024
อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีพุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งสูงกว่า 3 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ส่วนราคาผู้บริโภคของฝรั่งเศสปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม
หุ้นเทคโนโลยียุโรปร่วงลงมากที่สุด โดย ASML ลดลง 2.7% และ SAP ลดลง 1.9% แต่ หุ้นกลุ่มกลาโหมปรับตัวสูงขึ้น ดัชนีโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.4%
ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสร่วงลง 3.3% ในสัปดาห์นี้ มากกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคด้วย
ความกังวลว่ารัฐบาลนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรูอาจจะล่มในเดือนหน้า
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 64.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 68.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

