HoonSmart.om>>ตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ความสำเร็จการจัดงาน Thailand Focus 2025 ผู้ลงทุน 180 ราย จาก 75 สถาบันทั่วโลก จากประเทศหลักสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกงและยุโรป กลุ่มประเทศใหม่ ๆ ตะวันออกกลาง-เอเชียใต้ มีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมจะกลับเข้ามาลงทุน หลังจากราคาหุ้นลงไปมาก และได้รับข้อมูลที่ชัดเจน พบผู้บริหารระดับสูง บจ. 75 บริษัท มาร์เก็ตแคป 17,090,823 ล้านบาท คิดเป็น 71% ของตลาด ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม นำเสนอศักยภาพธุรกิจ-ทิศทางการเติบโต

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า งาน Thailand Focus 2025 : Beyond the Challenges ก้าวข้ามความท้าทาย สู่โอกาสการลงทุน จัดเพื่อให้ข้อมูลผู้ลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ ตลาดทุน และ บจ. ไทยที่สามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกได้พบและรับฟังข้อมูลโดยตรงจากผู้บริหารระดับสูง ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคตลาดทุน สอดคล้องบทบาทตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ให้ความสำคัญในการให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
“งาน Thailand Focus ไม่เพียงเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอความแข็งแกร่งและความน่าสนใจลงทุนของ บจ. ไทย แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มุ่งยกระดับตลาดทุน สร้างความเชื่อมั่นผ่านการทำงานกับพันธมิตรทุกภาคส่วน พร้อมพัฒนากลไกส่งเสริมการลงทุนและระดมทุน โดยผู้ลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมงานในปีนี้ ให้ความสนใจต่อความก้าวหน้าในประเด็นสำคัญด้านมหภาค เช่น การลงทุนและการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การบริหารจัดการหนี้ภาคครัวเรือนและความแข็งแกร่งของภาคการเงิน ตลอดจนการปรับตัวของภาคธุรกิจให้ตอบรับกับกระแสและความท้าทายในอนาคต ส่วนการประชุมร่วมระหว่าง บจ. กับผู้ลงทุนสถาบัน ยังคงได้รับความสนใจเนื่องจากมี บจ. ที่โดดเด่นกระจายตัวอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม สะท้อนความสนใจลงทุนในตลาดทุนไทย” นายอัสสเดช กล่าว
3 กลุ่มเป้าหมายเงินไหลเข้า
นายอัสสเดช กล่าวว่า จากการที่ทีมงานมีการพูดคุยนอกรอบกับนักลงทุนต่างชาติ ตลาดทุนไทยยังอยู่ในสายตา และยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด โดยสนใจกลุ่มบริการ กลุ่มเกษตร กลุ่มเฮลท์แคร์ และหุ้นขนาดใหญ่ รวมถึงสภาพคล่องด้วย เพราะมูลค่าการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศจะมีวงเงินสูง จึงต้องการสภาพคล่องในการเข้า-ออกหุ้นได้ง่าย ซึ่งการจัดพบปะกันแบบตัวต่อตัว หรือ One-on-one meetings ระหว่างนักลงทุนกับบริษัทจดทะเบียนในอีก 2 วันข้างหน้า จะเป็นการพบกันระหว่างบริษัทจดทะเบียนใน SET 50 เป็นหลัก และมีบริษัทที่อยู่ใน SET 100 ด้วย และ Non SET 100 บางส่วน ที่เป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานสากลในทุกด้าน
สำหรับ พันธมิตรหลักที่ร่วมจัดงานในครั้งนี้ มี บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บล.เกียรตินาคินภัทร ร่วมกับ Bank of America Securities และ บล.ยูบีเอส (ประเทศไทย) มีฐานลูกค้าที่เป็นนักลงทุนสถาบันครอบคลุมทั่วโลก ที่ร่วมกันทำงาน ช่วยสื่อสาร เชิญนักลงทุน และบริษัทจดทะเบียน ที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาดทุนไทยโดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว รวมถึงคิดธีมงาน และหัวข้อในการเสวนาที่อยู่ในความนักลงทุนสนใจ และในอนาคต หวังว่าจะได้ร่วมกันทำเรื่องการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนต่างประเทศ หรือ โรดโชว์ ที่ขาดหายไปพักหนึ่ง เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และดึงนักลงทุนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามา
“หลังจากที่เราทำเรื่องการดูแลเรื่องนักลงทุนรายย่อย ตอนนี้เราเริ่มมาโฟกัสนักลงทุนต่างชาติ เพื่อให้เกิดความทัดเทียมกัน ทั้งเรื่องกฎเกณฑ์ และการสื่อสาร ที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติ ยังคงจับตาศักยภาพของไทยอย่างใกล้ชิด แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญความผันผวนแต่ปัจจัยเชิงบวกอย่าง Valuation ยังน่าสนใจ และ Dividend Yield ที่สูง ยังคงเป็นแรงดึงดูดหลัก ส่วนเรื่องการเมืองเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น และไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ เหมือนเรื่องภาษีทรัมป์ ซึ่งวันนี้เรื่องภาษีเคลียร์แล้ว อยู่ในระดับที่ไทยแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ และหวังว่าเศรษฐกิจไทย จะมีอัพไซส์ มากกว่าคาดการณ์ และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า”นายอัสสเดช กล่าว
เล็งทางลัดดึงบริษัทนอกเข้าตลาด
นายอัสสเดช กล่าวว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมยกระดับกลยุทธ์ดึงบริษัทต่างชาติศักยภาพสูงเข้ามาจดทะเบียน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่เข้ามาตั้งฐานในไทยเข้าสู่ตลาดทุน โดยทาง BOI ติดต่อให้ไปเริ่มพบ เริ่มพูดคุยว่าสนใจระดมในไทยไหม ซึ่งต้องศึกษา และใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะต้องให้ธุรกิจมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเกณฑ์การเข้าระดมทุน จากปัจจุบันที่อยู่ในช่วงของการขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ต้องมีการลงทุนตั้งบริษัท สร้างโรงงาน จ้างงาน และต้องดูความพร้อมของธุรกิจด้วย และความพร้อมของนักลงทุนด้วยว่าสามารถรับความเสี่ยงได้ระดับไหน
ในกรณี บริษัทที่มีบริษัทแม่ระดับโกลบอลที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว อาจไม่ต้องรอถึง 3 ปี ซึ่งต้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อปรับเกณฑ์ให้บริษัทต่างชาติเข้าตลาดได้ง่ายขึ้น
รวมถึง ศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริษัทแม่จากต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนควบในตลาดหุ้นไทย หรือ Dual Listing ด้วย เพราะมีผลประกอบการที่ชัดเจน และมีการจดทะเบียนในประเทศอื่นอยู่แล้ว
ลุ้นบจ.มาร์เก็ตแคปหมื่นล้านบาท IPO
สำหรับ ช่วงที่เหลือของปี ยังมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ มาร์เก็ตแคประดับหมื่นล้านบาท สนใจเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งได้เริ่มกระบวนการ IPO แล้ว ส่วนจะเข้าตลาดภายในปีนี้เลยหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับสภาพตลาดทุน และราคาที่ต้องการ
ปัจจุบันมีบริษัทยื่นไฟลิ่งเตรียมเสนอขายหุ้น IPO กว่า 30 บริษัท แต่ด้วยสภาพตลาดที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมาจึงชะลอ แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มดีขึ้น ซึ่งต้องดูว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าสภาพตลาดจะฟื้นตัวต่อเนื่องได้หรือไม่
“หวังว่าครึ่งปีหลังจะเห็น Fund Flow ไหลกลับ เข้าตลาดทุนไทยมากขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังต่อเศรษฐกิจที่มีโอกาสสร้าง Upside และเห็นความตื่นเต้น น่าสนใจในตลาดทุนไทย ไม่มากก็น้อย”นายอัสสเดช กล่าว
เคลียร์ใจไทยยังแกร่ง
นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หนี้ครัวเรือน เป็หนึ่งในประเด็นที่นักลงทุนต่างประเทศมีความกังวล แต่หลังจากที่ได้ฟังงานเสวนาทำให้เห็นนโยบายการจัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยชัดเจน ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น เพราะข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำเสนอในสื่อต่างประเทศ
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า งาน Thailand Focus 2025 ทำให้นักลงทุนได้เห็นภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยชัดเจนขึ้น จากปกติจะได้ข่าวเฉพาะบางเรื่อง เช่น ข่าวแผ่นดินไหว ทำให้เข้าใจว่าประเทศไทยมีแผ่นดินไหวตลอดเวลา ทำให้เกิดความกลัวไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยว
ทั้งนี้ งาน Thailand Focus 2025 ได้รับเกียรติจาก ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงาน
ชูแนวนโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงร่วมให้ข้อมูลถึงทิศทางโอกาส
และความน่าสนใจของธุรกิจไทยที่เป็นจุดแข็งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมูลค่าธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและการแพทย์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ วิสัยทัศน์การท่องเที่ยวไทยแบบยั่งยืน และพัฒนาการสำคัญของระบบการเงินไทยในอนาคต
———————————————————————————————————————————————————–

