SIRI เร่งดันยอดขาย-โอนเข้าเป้า 4.6 หมื่นล. จับมือแบงก์แน่นช่วยลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อ

HoonSmart.com>>แสนสิริ ปรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลังดันยอดขาย-โอน เข้าเป้า 4.6 หมื่นล้านบาท ฝ่าเศรษฐกิจโตต่ำ เร่งโอน-เปิดโครงการใหม่ ดัน Backlog หนุนกระแสเงินสด จับมือแบงก์ช่วยลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อ พร้อมปันผล 0.05 บาทต่อหุ้น ยีลด์ 3.3% ด้าน  2 โบรกฯแนะซื้อ เป้า 1.70 – 2 บาท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ (SIRI) นำเสนอข้อมูลธุรกิจ และผลการดำเนินงานประจำ Q2/2025 หรือ Opportunity Day ว่า ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเพียง 2% และความผันผวนจากปัจจัยภายนอก ทั้งการเมือง ภาษีที่ดิน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง

บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถทำยอดขายและยอดโอนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 46,000 ล้านบาทในปี 2568 นี้ โดยอาศัยการเปิดตัวโครงการใหม่ และการเร่งโอนโครงการเดิมที่พร้อมส่งมอบ ในกรุงเทพ และภูเก็ต และการเดินหน้าขยายธุรกิจบ้านต้นแบบสำหรับลูกค้าที่มีที่ดินและต้องการสร้างบ้านเองซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึง การบริหาร Backlog ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ และร่วมมือกับพันธมิตรในการโอนและขายโครงการร่วมทุนให้ได้ตามเป้าหมาย

สำหรับ 6 เดือนแรกทำยอดขายไปได้แล้ว 26,129 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเป้าหมาย ส่วนยอดโอนทำได้แล้ว 18,869 ล้านบาท คิดเป็น 44% ของเป้าหมาย

ทั้งนี้ กลุ่มคอนโดสูงยอดขายทยอยฟื้นตัว โดยคอนโดระดับกาลาง-ต่ำ กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติก่อนเกิดแผ่นดินไหว และบางโครงการยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 20-30%

ขณะที่ ตลาดต่างชาติ ปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 7,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 4,000 ล้านบาท แม้ยอดขายจากชาวต่างชาติในกรุงเทพจะลดลง แต่ยอดขายในภูเก็ตยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายที่เหลือได้ภายในไตรมาส 3 และ 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน

นอกจากนี้ บริษัทแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการคอนโดทั่วประเทศ โดยไตรมาส 3 จะเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ไตรมาส 4 จะมีการโอนเพิ่มอีก 4 โครงการ

จับมือแบงก์แน่นช่วยลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อ

นายอุทัย กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง มีผลต่อความสามารถในการกู้ของลูกค้า โดยการลดดอกเบี้ย 1% จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการกู้ถึง 8% หรือช่วยลดภาระผ่อนชำระลงในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 80% ทำให้ธนาคารมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยบริษัทมีการให้คำปรึกษาเชิงลึกเรื่องสินเชื่อตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วยให้ลูกค้าสามารถกู้เงินได้เร็วขึ้น และยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารรายใหญ่ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเข้าถึงการซื้อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น

การมี Backlog ที่มีอยู่ในมือจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 21,958 ล้านบาท แบ่งเป็น Backlog โครงการของแสนสิริเอง 18,627 ล้านบาท โดยเป็นยอดของปีนี้ 6,400 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 60% ของเป้าหมายรายปี และBacklog โครงการร่วมทุน (JV) 3,331 ล้านบาท โดยเป็นยอดของปีนี้ 1,205 ล้านบาท คิดเป็น 51% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9,000 ล้านบาท จะช่วยให้บริษัทฯลดต้นทุนด้านการเงินลงได้มาก

เพราะระยะเวลาในการขออนุญาตก่อสร้างใหม่ในกรุงเทพฯใช้เวลานานถึง 16–18 เดือน ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการต้องถือครองที่ดินเปล่าเป็นเวลานานก่อนเริ่มก่อสร้าง เมื่อรวมกับระยะเวลาก่อสร้างอีก 2 ปี ทำให้การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี ผู้ประกอบการต้องมีสภาพคล่องสูง หรือได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง

นายอุทัย กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยยังเติบโตในระดับต่ำ โดย GDP อยู่ในระดับที่น่ากังวล แต่หากรัฐบาลและภาคเอกชนสามารถร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย จะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นหนึ่งใน “ปัจจัย 4” ที่ประชาชนต้องการเพื่อความมั่นคงในชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มสร้างครอบครัว ซึ่งมีแนวโน้มเลือกซื้อบ้านเดี่ยวมากขึ้น

สำหรับ การจ่ายเงินปันผล ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2568

เดินหน้าสร้างบ้านยั่งยืน

บริษัทแสนสิริตอกย้ำจุดยืนด้านความยั่งยืน ด้วยการออกแบบโครงการที่คำนึงถึงสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ผ่าน 4 แนวคิดหลัก
1. บ้านปลอดฝุ่น ใช้นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
2. บ้านเย็นไร้สาย ออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางแดดและฝน พร้อมเลือกใช้วัสดุสะท้อนความร้อนเพื่อลดอุณหภูมิภายใน
3. Green Material เลือกใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 70% พร้อมนำเศษวัสดุก่อสร้าง เช่น หินอ่อน มาอัพไซเคิลเป็นสินค้าใหม่
4. พลังงานสะอาดและระบบบำบัดน้ำ สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว โดยเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 14,300 ต้น

6 เดือนแรกรายได้ลด 19.4%

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568  มีรายได้รวม 15,678 ล้านบาท ลดลง 19.4% หรือ 3,784 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2567 โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งลดลง 24.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 13,191 ล้านบาท

ด้านกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2568 อยู่ที่ 2,028 ล้านบาท ลดลง 24.9% หรือ 674 ล้านบาท จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการลดลงของกำไรขั้นต้น และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้น แม้จะได้รับการชดเชยบางส่วนจากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดลง

 2 โบรกฯแนะซื้อ เป้า 1.70 – 2 บาท

บล.กรุงศรี คงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 2.0 บาทต่อหุ้น และคงคำแนะนำ “ซื้อ”โดยให้น้ำหนักกับครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีโครงการหลักหลายโครงการที่จะเปิดตัวในไตรมาส 3–4 ของปี 2568 ขณะที่ทิศทางของธุรกิจยังคงมีความเชิงรุกมากกว่าคู่แข่ง ซึ่งสร้างโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และส่งผลดีในระยะยาว
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ค่า P/E ปี 2568 อยู่ที่ 6.4 เท่า พร้อมอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่คาดว่าจะสูงถึง 9.2% ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงขาลงที่จำกัด

บล.ทรีนิตี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 1.70 บาท (จากเดิม 2.10 บาท) โดยอิงจากผลประกอบการปี 2568F และค่าเฉลี่ย P/E ที่ 7 เท่า โดยปัจจุบัน SIRI เทรดที่ P/E 6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต  เงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.05 บาท โดยวัน XD คือวันที่ 28 สิงหาคม 2568 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 3.3%

ทั้งนี้ ได้ปรับคาดการณ์กําไรปี 2568 รายงานกําไรครึ่งแรกของปี 2568 ที่ 2.08 พันล้านบาท คิดเป็น 47% ของที่ปรับคาดการณ์ลงมาอยู่ที่ 4.43 พันล้านบาทจากการปรับคาดการณ์ยอดโอนลง8.9% มาอยู่ที่3.1 หมื่นล้านบาทโดยคาดสัดส่วนกําไรจะมาจาก JV เพิ่มมากขึ้นและยอดขายหนุนโดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยคาดยอดขายจากกลุ่มต่างชาติที่ 7.0 พันล้านบาท และคาด 6 เดือนหลังของปี 2568 ุุ จะมียอดขายที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามการเปิดตัวโครงการใหม่ ในขณะที่ระดับ D/E ปี 2568 คาดสามารถปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.5X จากการคืนเงินกูหลังจากขายธุรกิจโรงแรมไป