TACC-NPP ร่วมทุน ตั้ง “สยามเกตเวย์” เป็นศูนย์กลางพัฒนาและส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เน้นจีน รายได้และกำไรมาจากค่าธรรมเนียมและเงินปันผลจากการลงทุน
นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมบริหาร บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) หรือ NPP กล่าวว่า ปัจจุบันมีสินค้าหลายตัวเป็นโอท็อป 5 ดาวที่ผู้ใหญ่ฝากมาขายในจีนและต่างประเทศ ซึ่งมีหลายตัวมีศักยภาพ พร้อมดำเนินการได้ทันที
“รายได้ของสยามเกตเวย์จะมาจาก 2 ทาง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมนำสินค้าไทยไปขายต่างประเทศและกำไรจากเงินลงทุนหรือเงินปันผล หากสินค้าตัวไหนดีและยังขาดเงินทุนสยามเกตเวย์ก็จะเข้าไปลงทุน ซึ่งคาดว่าตลาดจีนที่ใหญ่มากจะสร้างโอกาสให้สยามเกตเวย์มีกำไรได้เร็วและจะใช้เวลา 2-3 ปีนำเข้าตลาดหุ้น”นายศุภจักร กล่าว
อย่างไรก็ตามการร่วมทุนระหว่าง TACC-NPP ถือว่าวินวิน เอาจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย นำผลิตภัณฑ์ไทยสู่เวทีโลกแบบครบวงจรมากขึ้น
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) กล่าวว่า สินค้าที่จะเข้าไปขายในจีน บริษัทสยามเกตเวย์จะได้รับมาร์จิ้นแตกต่างกัน ซึ่งคาดว่าจะเนินการได้ใน/ตรมาส 3 ปี 2561
“ประสบการณ์ในการนำของไปขายในเมืองจีนใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีในการขอใบอนุญาต การทำแพคเกจจิ้งและการทำผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีขั้นตอนในการดำเนินการ แต่เชื่อว่าสินค้าไทยที่ผ่านทางสยามเกตเวย์ จะทำได้เร็วขึ้น เนื่องจากบริษัทมีที่ปรึกษาที่ดีและมีคู่ค้าในต่างประเทศแล้ว”นายชัชชวี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท สยามเกตเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน โดยTACC ถือหุ้นประมาณ 51% ส่วน NPP ถือหุ้นประมาณ 49%