ดาวโจนส์ปิดบวก 81 จุด หุ้น Apple หนุน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 81 จุด แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Apple นักลงทุนวิเคราะห์ผลประกอบการทยอยออกมาต่อเนื่อง พร้อมจับตาเส้นตายภาษีศุลกากรใหม่ของทรัมป์ใกล้ถึงกำหนด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลงต่อ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดทรงตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ปิดที่ 44,193.12 จุด เพิ่มขึ้น 81.38 จุด หรือ +0.18% จากการพุ่งขึ้นของหุ้น Apple ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ผลประกอบการชุดล่าสุด และจับตาเส้นตายภาษีศุลกากรใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ใกล้ถึงกำหนด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,345.06 จุด เพิ่มขึ้น 45.87 จุด, +0.73%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,169.42 จุด เพิ่มขึ้น 252.87 จุด, +1.21%

ราคาหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นในวันพุธ หลังจากมีข่าวว่า ทิม คุก ซีอีโอ จะเข้าร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำเนียบขาว เพื่อประกาศการลงทุนครั้งใหม่มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในภาคการผลิตภายในประเทศ ก่อนหน้านี้ แอปเปิลได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสหรัฐฯ ในอีกสี่ปีข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าที่สูงมาก

ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวกล่าวว่า Apple เตรียมที่จะเลี่ยงภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิต iPhone ส่วนใหญ่ของบริษัท ทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 25% จากอินเดีย เนื่องจากอินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ส่งผลให้ยอดรวมภาษีนำเข้าของอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 50% ตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป

การรายงานผลประกอบการยังคงต่อเนื่อง โดยบริษัทต่างๆ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง บริษัทในดัชนี S&P 500 ประมาณ 81% ที่รายงานผลประกอบการจนถึงปัจจุบัน มีผลประกอบการดีกว่าที่คาดไว้ ตามข้อมูลของ FactSet

หุ้น McDonald’s ปิดตลาดสูงขึ้นเกือบ 3% หลังจากผลประกอบการไตรมาสที่สองสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งในด้านรายได้และกำไร ยอดขายจากสาขาเดิมเติบโตเร็วที่สุดในรอบเกือบสองปี

ในทางกลับกัน หุ้น Snap ร่วงลง 17% หลังจากรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ขณะที่ Advanced Micro Devices ร่วงลงมากกว่า 6% หลังจากรายงานกำไรต่อหุ้นที่ปรับใหม่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

หุ้น Disney’s ลดลง 2.7% แม้ทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้จากยอดขายสวนสนุกและรายการสตรีมมิ่งที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ตลาดยังมีความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่รายงานเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก

นายนีล คาชคารี ประธานเฟด สาขามินนิอาโปลิส กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ แม้ว่าจะชะลอในภายหลัง หรือแม้แต่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากภาษีศุลกากรทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นก็ตาม

ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวและอ่อนตัวลดลงจากการปรับขึ้นในช่วงแรก เนื่องจากหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ได้รับผลกระทบจากการขู่ล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่จะขึ้นภาษีนำเข้ายา

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแรงขาย โดยร่วงลง 2.8% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสามเดือน หลังจากที่ทรัมป์เปิดเผยแผนภาษีนำเข้ายาแบบขั้นบันได ซึ่งอาจส่งผลให้ภาษีนำเข้ายาเพิ่มขึ้นเป็น 250% ภายใน 18 เดือน

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 541.07 จุด ลดลง 0.33 จุด, -0.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,164.31 จุด เพิ่มขึ้น 21.58 จุด, +0.24%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,635.03 จุด เพิ่มขึ้น 13.99 จุด, +0.18%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,924.36 จุด เพิ่มขึ้น 78.29 จุด, +0.33%

สตีฟ ซอสนิก หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ Interactive Brokers กล่าวว่า ในยุโรปและ
เอเชีย นักลงทุนกำลังพิจารณาผลกระทบจากภาษีศุลกากรอย่างรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากผู้ส่งออกต้องแบกรับผลกระทบโดยตรงเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งหุ้นและบางกลุ่มจะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

กลุ่มเฮลธ์แคร์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังNovo Nordisk ผู้ผลิตยาเดนมาร์กเตือนว่า คาดว่าจะยังคงมีการแข่งขันจากยาลดน้ำหนัก Wegovy ที่ลอกเลียนแบบในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง 5.4%

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีคาริน เคลเลอร์-ซัตเตอร์ ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้เข้าพบกับมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาการค้า หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้าสวิตเซอร์แลนด์ 39%

หุ้นBayerบริษัทยาแห่งเยอรมนีร่วงลง 9.9% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ากำไรของบริษัทสูงเกินจริงจากค่าธรรมเนียมการย้ายทีมของนักฟุตบอล แทนที่จะเป็นธุรกิจหลักด้านการดูแลสุขภาพและการเกษตร

ในด้านข้อมูล ยอดค้าปลีกของยูโรโซนเติบโตเร็วกว่าที่คิดในเดือนมิถุนายน ซึ่งตอกย้ำมุมมองที่ว่ากลุ่มประเทศสมาชิก 27 ประเทศยังคงมีความแข็งแกร่งต่อความไม่แน่นอนทางการค้า

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 64.35ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 75 เซนต์ หรือ 1.11% ปิดที่ 66.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล