HoonSmart.com>> “กองทุนรวม” 7 เดือนแรกปี 68 มูลค่าเติบโตทะลุ 6 ล้านล้านบาท ทำนิวไฮ เพิ่มขึ้น 4.7% จากสิ้นปีก่อน เงินลงทุน “ตราสารหนี้” โตต่อเนื่องท่ามกลงภาวะตลาดผันผวน มูลค่าแตะ 3.18 ล้านล้านบาท ด้าน “กองทุนผสม” ได้รับความนิยมสูงขึ้น ส่วนกองทุน LTF มูลค่าเหลือ 1.08 แสนล้านบาท วูบ 49.40% จากแรงเทขายและโอนย้ายเข้า ThaiESGX ฟาก “บลจ.กสิกรไทย” (KAsset) เติบโตโดดเด่นในอุตสาหกรรม มูลค่าเพิ่มขึ้น 1.29 แสนล้านบาท โตเฉียด 10%

สมาคมบริษัทจัดการลงทุน(AIMC) เปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ตลาด “กองทุนรวม” ทั้งระบบช่วง 7 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่าแตะ 6,186,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277,722 ล้านบาท หรือ 4.70% จากสิ้นปี 2567 มีมูลค่า 5,908,726 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกที่ตลาดกองทุนรวมมูลค่าแตะ 6 ล้านล้านบาท จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 23 แห่งและมีจำนวนกองทุน 3,410 กอง เพิ่มขึ้น 98 กอง จากสิ้นปี 2567
“กองทุนตราสารหนี้” ซึ่งมีมูลค่าใหญ่สุดในตลาดกองทุนรวม ยังเติบโตต่อเนื่อง 10.67% จากสิ้นปีที่ผ่านมามูลค่าเพิ่มขึ้น 306,793 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าแตะ 3,182,590 ล้านบาท ขณะที่ “กองทุนตราสารทุนหรือกองทุนหุ้น” ที่มีมูลค่าใหญ่รองลงมา มูลค่าลดลง 94,236 ล้านบาท หรือ -5.28% เหลือ 1,690,278 ล้านบาท ด้าน “กองทุนรวมผสม” ซึ่งได้รับความสนใจมากในปีนี้ท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน มีการเติบโต 13.31% หรือ 47,221 ล้านบาท
นอกจากนี้หากแยกในรายประเภทกองทุนรวม โดยเฉพาะ “กองทุนเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ” (FIF) ยังเติบโตต่อเนื่องมูลค่าแตะ 1,398,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,576 ล้านบาท หรือ 3.44%
ในขณะที่ “กลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี” ที่ยังได้สิทธิ์ลดหย่อน อย่าง กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีมูลค่า 453,632 ล้านบาท ลดลง 4,740 ล้านบาท หรือ -1.03%
กลุ่มกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) มีมูลค่าเติบโต 150.57% แตะ 74,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44,561 ล้านบาท จากสิ้นที่ผ่านมามีมูลค่า 29,596 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุน ThaiESG มูลค่า 39,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,961 ล้านบาท หรือ 33.66% และกองทุน ThaiESGX (เปิดให้ลงทุน 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.68) มีมูลค่า 34,601 ล้านบาท
ส่วนกองทุนรวมที่หมดสิทธิ์ทางภาษีไปแล้ว อย่างกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) มูลค่าลดเหลือ 111,258 ล้านบาท ลดลง 108,602 ล้านบาท หรือ -49.40%
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มูลค่า 70,405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 967 ล้านบาท หรือ 1.40%
ด้าน “บลจ.” จากทั้งหมด 23 บริษัท ส่วนใหญ่มีมูลค่าทรัพย์สินสทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 18 บริษัท มีเพียง 5 บริษัทที่มูลค่าลดลง โดย บลจ.ทาลิส มีอัตราการเติบโต 118.78% หรือ 8,009 ล้านบาท มูลค่าแตะ 14,752 ล้านบาท รองลงมา บลจ.ดาโอ เติบโต 50.83% หรือ 2,942 ล้านบาท มูลค่าแตะ 8,731 ล้านบาท อันดับสาม บลจ.บางกอกแคปปิตอล เติบโต 15.36 หรือ 6,775 ล้านบาท มูลค่าแตะ 50,884 ล้านบาท
อันดับสี่ บลจ.กรุงศรี เติบโต 10.64% หรือ 51,303 ล้านบาท มูลค่าแตะ 533,391 ล้านบาท และอันดับห้า บลจ.กสิกรไทย เติบโต 9.98% หรือ 129,406 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นแตะ 1,425,713 ล้านบาท ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งและทิ้งห่างจากอันดับสอง บลจ.ไทยพาณิชย์ มีมูลค่า 1,102,606 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากมูลค่าเงินที่เติบโตในช่วง 7 เดือนแรก พบว่า บลจ.กสิกรไทย มีการเติบโตที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมทั้งในแง่มูลค่าเงินและอัตราการเติบโต โดยมีมูลค่าเติบโตสูงถึง 129,406 ล้านบาท หรือ 9.98%
อ่านข่าวอื่นๆ
KAsset ปลื้มครึ่งปีเงินเข้ากองทุนรวม 8 หมื่นลบ. คาดตลาดยังผันผวน มองเป้าหุ้นไทยปีนี้ 1,300 จุด
