HoonSmart.com>>ก.ล.ต.เผย 5 เดือนแรกปี 68 กองทุนรวมเสนอขาย IPO มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็น “กองทุนตราสารหนี้” เน้นลงทุนในประเทศสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยและกระจายเงินลงทุนต่างประเทศ ด้านมูลค่ากองทุนรวมทั้งระบบแตะ 5.94 ล้านล้านบาท โต 3.6 หมื่นล้านบาท หรือ 0.62% จากสิ้นปีก่อน ซบกองทุนมันนี่ มาร์เก็ตพุ่ง กังวลความไม่แน่นอนภาษีทรัมป์

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ปี 2568 กองทุนรวมมีการเสนอขาย IPO จำนวน 315 กองทุน มูลค่ารวม 609,284 ล้านบาท เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ 221 กองทุน รวมมูลค่าเสนอขาย 560,676 ล้านบาทและเป็นการเสนอขายกองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย 377,038 ล้านบาทและเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายเน้นการลงทุนต่างประเทศ 180 กองทุน รวมมูลค่าเสนอขาย 333,725 ล้านบาท
ด้านภาพรวมอุตสาหกรรม “กองทุนรวมไทย” ช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) เติบโตแตะ 5,945,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,510 ล้านบาท หรือ 0.62% จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 5,908,726 ล้านบาท จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทั้งหมด 23 แห่ง และมีกองทุนรวมทั้งสิ้น 3,400 กองทุน เพิ่มขึ้น 88 กองทุน จากสิ้นปี 2567 มีจำนวน 3,312 กองทุน ข้อมูลจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC)
บลจ.ส่วนใหญ่ 13 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงและอีก 10 บริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในรอบ 5 เดือนแรก
กองทุนรวมตราสารหนี้ มีมูลค่า AUM เติบโตต่อเนื่องแตะ 3,023,002 ล้านบาท สัดส่วน 50.85% ของมูลค่าทั้งหมด เพิ่มขึ้น 147,205 ล้านบาท หรือ 5.12% จากสิ้นปี 2567
รองลงมา กองทุนตราสารทุน มี AUM 1,626,119 ล้านบาท มีสัดส่วน 27.35% ของทั้งหมด มูลค่าลดลง 158,394 ล้านบาท หรือ -8.88%
กองทุนรวมผสม AUM อยู่ที่ 386,515 ล้านบาท สัดส่วน 6.50% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้น 31,681 ล้านบาท หรือ 8.93% จากสิ้นปี
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน มี AUM อยู่ที่ 322,131 ล้านบาท สัดส่วน 5.42% ของทั้งหมด มูลค่าเพิ่มขึ้น 62,291 ล้านบาท หรือ 23.97%
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มี AUM อยู่ที่ 167,850 ล้านบาท สัดส่วน 2.82% ของทั้งหมด มูลค่าเพิ่มขึ้น 16,585 ล้านบาท หรือ 10.96% จากสิ้นปี 2567 มีจำนวนกอง REIT เพิ่มขึ้น 6 กอง รวมเป็น 35 กอง
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่กองทุนทุกประเภทจะมีการออกกองใหม่เพิ่มขึ้น ยกเว้นกองทุนมีจำนวนกองลด 39 กองทุน เหลือ 733 กอง และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีจำนวนกองเท่าเดิมอยู่ที่ 9 กอง
กองทุนนอก (FIF) โตแผ่ว
หากแยกรายประเภทกองทุน พบกองทุนรวมเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) มูลค่า AUM เติบโตแตะ 1,354,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,807 ล้านบาท หรือ 0.13% จากสิ้นปี 2566 โดยมีจำนวนกองทุนออกใหม่ 46 กอง ส่งผลให้มีจำนวนกองทุนเพิ่มเป็น 1,364 กองทุน
ขณะที่กองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนี่ มาร์เก็ต ที่เป็นแหล่งพักเงินเพื่อรอการลงทุน มีมูลค่า AUM เติบโตเช่นกันอยู่ที่ 339,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,120 ล้านบาท หรือ 8.67%
“กองทุนประหยัดภาษี” Thai ESGX โตทะลุ 4 หมื่นล้าน
ด้านกลุ่ม “กองทุนประหยัดภาษี” มูลค่าลดลงจากราคาหุ้นในตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลง ฉุดเงินลงทุนในหุ้นลดลง โดยกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีมูลค่า 439,313 ล้านบาท ลดลง 19,058 ล้านบาท หรือ -4.16%
ขณะที่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) มูลค่าเติบโตแตะ 43,001 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,406 ล้านบาท หรือ 45.30%
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มูลค่า 137,606 ล้านบาท ลดลง 82,254 ล้านบาท หรือ -37.41% (กองทุน LTF สิ้นสุดโครงการรับสิทธิภาษี ปัจจุบันภาครัฐเปิดให้สับเปลี่ยนกองทุนไปเป็นกองทุนรวมเพื่อไทยยั่งยืนพิเศษ (Thai ESGX) ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2568 นี้ รวมถึงเปิดให้เงินลงทุนใหม่เข้าลงทุนในกองทุน Thai ESGX ได้ถึงสิ้นมิ.ย.เช่นกัน
กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (SSF) มูลค่า 67,074 ล้านบาท ลดลง 2,362 ล้านบาท หรือ -3.40% (กองทุน SSF สิ้นสุดโครงการรับสิทธิภาษีไปเมื่อปี 2567)
ด้านปัจจัยที่ยังกดดันการลงทุนทั่วโลก ได้แก่ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งยังสร้างความไม่แน่นอนต่อตลาดและมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกจโลกชะลอตัว
