HoonSmart.com>>”บี.กริม เพาเวอร์”(BGRIM) เตรียมจับมือพาร์ทเนอร์ต่างชาติร่วมลงทุน Data Center ในเร็ว ๆ นี้ และอยู่ระหว่างพูดคุยกับลูกค้าใหม่กลุ่ม Data Center 3-4 ราย หวังเพิ่มเป้าใช้ไฟ 5-10 เมกะวัตต์ในปีนี้ ด้านผลงานไตรมาส 2/68 คาดอ่อนลงตามฤดูกาล และดีมานด์ลูกค้าบางส่วนลดลง ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาดีล M&A 2-3 โครงการ กำลังการผลิตราว 400-600 MW
นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงบ้างจากไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากดีมานด์ลูกค้าบางส่วนซึ่งเป็นลูกค้าที่กำลังจะติดตั้งและพึ่งเข้าและได้รับผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐ อีกทั้งมีวันหยุดในไตรมาส 2 หลายวันด้วยซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล สำหรับกำลังการผลิตที่จะเข้ามาใหม่โดยรวมแล้วจะมี 400-500 เมกะวัตต์ (MW) ที่จะเข้ามาในระหว่างปี หลัก ๆ จะมาจากโซลาร์ที่ไทย และฟิลิปปินส์ และ Offshore วินฟาร์มที่เกาหลี จะทยอยเข้ามา
งบลงทุนปี 2568 ประมาณ 1-1.2 หมื่นล้านบาท หลัก ๆ เป็นพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ที่ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีที่เกาหลี, ฟิลิปปินส์ และไทย รวมถึงมีบางส่วนที่ญี่ปุ่น ปัจจุบันดีล M&A บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ 2-3 โครงการ กำลังผลิตประมาณ 400-600 เมกะวัตต์ (MW) หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
“ในส่วนของ Data Center เรามี 2 วัตถุประสงค์ คือ ส่วนแรกเราจะลงทุนด้วย ซึ่งจะมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างชาติ คาดว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้ สำหรับลูกค้า Data Center ที่ซื้อขายไฟ คาดว่าจะเพิ่มในปีนี้ 5-10 เมกะวัตต์ในปีนี้”
นางสาวศิริวงศ์ กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าที่จะคงไว้ที่ 3.98 บาท/หน่วยในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดการณ์ว่าจะมีผลต่อ EBITDA Margin โดยปัจจุบันอยู่ที่ 28% ก็มาอยู่ประมาณ 26% ถือว่าไม่มาก ซึ่งบริษัทฯก็พยายามหารายได้อื่นมาเสริมในครึ่งปีหลังด้วย
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทำให้คาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 น่าจะอยู่ที่ 1.3-2.0% ซึ่งผลกระทบที่มีต่อลูกค้าอุตสาหกรรม เบื้องต้นคาดว่าปีนี้น่าจะกระทบลูกค้าประมาณ 5-10% เทียบกับปี 2567 อย่างไรก็ตามก็ได้มองบวกในเรื่องค่าก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะปรับลดลง อาจอยู่ช่วงระหว่าง 320-340 บาท/MMBTU ประกอบกับลูกค้านิคมอุตสาหกรรมอาจมีผลกระทบต่อสหรัฐฯที่เพิ่มภาษีระหว่างประเทศ ซึ่งบริษัทก็ยังมีลูกค้าใหม่เข้ามาในระบบ ปีนี้คาดว่าจะเข้ามา 40-50 เมกะวัตต์ โดยไตรมาส 2 น่าจะเข้ามา 25 เมกะวัตต์ ซึ่งมาช่วยชะเชยดีมานต์ที่ลดลงของลูกค้านิคมอุตสาหกรรมได้บางส่วน
นอกจากนี้ นิคมอุตสาหกรรมอมตะมีการขยายพื้นที่เกือบ 6 พันไร่ ทำให้มีลูกค้าใหม่เข้ามาในระบบ ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุย และก่อสร้างเพิ่มเติม อีกส่วน Data Center ก็อยู่ระหว่างพูดคุยกับลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามา 3-4 ราย สำหรับ LNG ปัจจุบันได้มีการนำเข้ามาแล้ว 2 คาร์โก้ ที่เหลืออีก 3 คาร์โก้จะทยอยเข้ามาภายในปีนี้
นายสาคร สุริยาภิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการเงินและการลงทุน BGRIM เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการหาลูกค้ากลุ่ม Data Center จะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการ Data Center มีความสนใจจะเข้ามาตั้งกิจการในไทย เห็นได้จาก BOI ที่ได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับ Data Center ซึ่งนิคมต่าง ๆ ที่มีโรงไฟฟ้าอยู่ จะเป็นนิคมที่อยู่ในความสนใจ อย่างนิคมอุตสาหกรรมอมตะ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะการใช้ไฟที่มีเสถียรภาพเป็นเรื่อสำคัญ และ BGRIM ก็มีการจัดหาไฟให้ลูกค้าในกลุ่ม Data Center ซึ่งม่ความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะ COD รวม 610.5 เมกะวัตต์ ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า ดังนี้ 1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา (เฟส 1) 18 เมกะวัตต์ 2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” 80 เมกะวัตต์ 4. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์ 5. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” 27.5 เมกะวัตต์ 6. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” 65 เมกะวัตต์ และ 7. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol 1” 365 เมกะวัตต์
