CPALL กำไร 7,585 ลบ. Q1/68 โต 20% บอร์ดเคาะทุ่ม 7,500 ล้าน ซื้อหุ้นคืน 1.67%

HoonSmart.com>> “ซีพี อลลล์” (CPALL) อวดกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 7,585 ล้านบาท เติบโต 20% กวาดรายได้รวม 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% เตรียมงบ 1.2– 1.36 หมื่นล้านบาท เปิดสาขาเพิ่ม ปรับปรุงสาขาเดิม พร้อมลงทุนโครงการใหม่ ด้านบอร์ดอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน วงเงินไม่เกิน 7,500 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น

บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 กำไรสุทธิ 7,585.24 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.83 บาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6,319.40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.69 บาท

บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2568 จำนวน 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 4.8% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ตามการบริโภคภายในประเทศที่ยังมีการขยายตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปี อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนเฟสสอง รวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ที่ยังคงดีต่อเนื่อง นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568 ยังคงขยายตัว ได้ท่ามกลางความท้าทาย โดยมีแรงขับจากบางภาคส่วนในประเทศ แต่จำเป็นต้องติดตามความเสี่ยงภายนอก และผลกระทบจากนโยบายการค้าโลกอย่างใกล้ชิด รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐควบคู่ไปด้วย

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการเท่ากับ 56,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งยังคงมาจากกลยุทธ์ด้านสินค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ ที่สามารถน าเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 22.8% จาก 22.3% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 14,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรายงานก าไรสุทธิเท่ากับ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 20.0% สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก ประกอบกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2568 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาวในปี 2568 อีกด้วย

สำหรับงบลงทุนคาดประมาณ 12,000 – 13,600 ล้านบาท แบ่งเป็น การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 – 4,600 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 – 3,500 ล้านบาท โครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 – 4,100 ล้านบาท ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400 ล้านบาท

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติวันที่ 13 พ.ค.2568 อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 7,500 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 1.67% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-14 พ.ย.2568

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาหุ้นที่จะซื้อคืน โดยให้นำราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันก่อนวันที่บริษัท จะทำการเปิดเผยข้อมูลมาประกอบการพิจารณากำหนดราคาหุ้นด้วย ราคาหุ้นที่จะซื้อคืนจะไม่เกินกว่า 115% ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขายก่อนหน้า วันที่ทำการซื้อขาย ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ราคาปิดของหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.-9 พ.ค.2568 เท่ากับ 50.43 บาทต่อหุ้น