HoonSmart.com>> “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) เปิดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 4,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% รายได้รวม 12,162 ล้านบาท “ธุรกิจให้เช่าและบริการ” โชว์ฺอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจห้างสรรพสินค้าให้เช่ายังแข็งแกร่ง ด้านยอดโอนโครงการที่พักอาศัยแนวราบเติบโต 10% สวนอุตสาหกรรม ควบคุมบริหารค่าใช้จ่ายที่ดี ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ผลงานดีกว่าคาดเล็กน้อย
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ส่วนของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,227.21 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.94 บาท เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,154.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.93 บาท
ทั้งนี้หาก ไม่นับรวมผลกระทบทางบัญชีในรายได้จากการลงทุน 380 ล้านบาท (หลังหักภาษี) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการต่อสัญญาล้วงหน้าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 กับ CPNREIT จะมีกำไรสุทธิ 3,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%
บริษัทฯ มีกําไรจากการดําเนินงาน 5,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน ด้วยอัตรากําไรจากการดําเนินงานที่ 43% (ไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 36% และไตร
มาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 40%) ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนโดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2567 ด้วยปัจจัยทางฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงกับปีก่อนหน้า กําไรจากการดําเนินงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่ากําไรขั้นต้นเล็กน้อย จากการลดลงของรายได้อื่น เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2567 มีกําไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนของการดําเนินงานในตางประเทศและการลงทุนอื่นของบริษัทฯ (อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารงานต่อรายได้รวมอยู่ที่ 17% ในไตรมาส 1 ปี 2568 และ 20% ในไตรมาส 4 ปี 2567)
ไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ยังคงรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากธุรกิจให้เช่าและบริการและธุรกิจโรงแรม โดยสามารถทําอัตรากําไรขั้นต้นรวมและอัตรากําไรขั้นต้นของธุรกิจให้เช่าและบริการสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง นอกจากนั้นผลการดําเนินงานของโรงแรม Centara และ GO! ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดโอนโครงการที่พักอาศัยแนวราบยังสามารถเติบโตได้ 10% จากปีก่อนสวนทางภาวะอุตสาหกรรมที่มีความท้าทาย
ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งยังรวมถึง 1) รายได้ค่าเช่าและบริการในศูนย์การค้าเดิมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายร้านค้าที่เพิ่มขึ้นจาก
กลยุทธ์ holistic partnership solution การจัดกิจกรรมทางการตลาดในศูนย์การค้า และการสร้างประสบการณ์ใหม่สําหรับผู้ใช้บริการ 2) การเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานตามแผนงานต่าง ๆ เช่น การติดตั้งแผงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์เพิ่มเติม และสภาพอากาศที่เย็นลงเมื่อเทียบกับปีก่อน 3) การปรับตัวดีขึ้นของอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน (net D/E) อย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,162 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 13% จากไตรมาสก่อน จากแผนการโอนคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ และผลกระทบจากปัจจัยทางฤดูกาลของธุรกิจให้เช่าและบริการและธุรกิจโรงแรม และมีกําไรสุทธิหลังหักส่วนของผู้ไม่มีอํานาจควบคุมที่ 4,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน หากไม่นับรวมผลกระทบทางบัญชี ในรายได้จากการลงทุน 380 ล้านบาท (หลังหักภาษี) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการตอสัญญาล่วงหน้าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 กับ CPNREIT บริษัทฯ มีกําไรสุทธิในไตรมาส 1 ที่ 3,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนหน้า แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้าจากรายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/256 บริษัทฯ มีธุรกิจให้เช่าและบริการศูนย์การค้า บริษัทฯ มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงาน 42 โครงการ (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 17 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ ต่างประเทศ 1 โครงการ และโครงการเมกา บางนา) ศูนย์การค้าขนาดเล็กหรือคอมมูนิตี้มอลล์ 16 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตร.ม. บริษัทฯ มีอัตราการเช่าเฉลี่ยรวมในตรมาส 1 ปี 2568 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 92% จากการปรับตัวดีขึ้นของศูนย์การค้าที่เปิดเมื่อปลายปี 2566 และปี 2567 ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เซ็นทรัล นครสวรรค์ และ เซ็นทรัล นครปฐม
ธุรกิจอาคารสํานักงาน บริษัทฯ มีอาคารสํานักงานให้เช่าทั้งหมด 10 อาคาร คิดเป็นพื้นที่ 314,654 ตร.ม มีอัตราการเช่าเฉลี่ยในไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ 89% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสกอน จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเช่าในอาคารยูนิลีเวอร์เฮ้าส์และอาคารเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส
ธุรกิจโรงแรม บริษัทฯ มีโรงแรมทั้งหมด 10 แห่ง รวม 1,681 ห้อง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 76% ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนและปีก่อน จากการปรับตัวดีขึ้นของโรงแรม Centara และ GO!
ธุรกิจที่พักอาศัยเพื่อขาย ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ เปิดขายโครงการแนวราบ 1 โครงการ คือ โครงการ บ้านนิรดา แจ้งวัฒนะ –ชัยพฤกษ์ทําให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอน (active) ทั้งหมด 29 โครงการ (คอนโดมิเนียม 14 แห่ง และแนวราบ 15 แห่ง)
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส เผย CPN ประกาศกำไร Q1/25 ที่ 4.2 พันล้านบาท ดีกว่าคาดเล็กน้อย ทรงถึงเติบโตได้เล็กน้อยทั้ง q- q และ y-y แม้มีแรงกดดันจากธุรกิจอสังหาฯที่อยู่อาศัยที่มีรายได้ลดลง 50% y-y เนื่องจากไม่มีโครงการโอนใหม่ แต่ธุรกิจห้างสรรพสินค้าให้เช่ายังแข็งแกร่ง และควบคุม ค่าใช้จ่ายที่ดี
“เราคาดโมเมนตัมกำไรจะทยอยดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีหนุนจากการโอนโครงการคอนโดใหม่ ที่นครสวรรค์ เราคาดกำไรปี 2568 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท +6% y-y ราคาหุ้นเทรด PER ต่ำเพียง 12 เท่าและให้ปันผลราว 4.5-4.8% ต่อปี”บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุ
———————————————————————————————————————————————————–
