‘สหรัฐ-จีน’ซัดกันหนัก ทองพุ่งต่อ หุ้นไทยดิ่ง 1.4%ทิ้งแบงก์ ตปท.ขายกว่า 2 พันลบ.

HoonSmart.com>>สงครามการค้าตึงเครียดหนัก สหรัฐและจีนห้ามทุกประเทศเลือกข้าง ดาวโจนส์ร่วง 400 จุด ตลาดฟันธงกนง.ลดดอกเบี้ยเม.ย. ต่างชาติลุยซื้อพันธบัตร ทองขึ้นต่อ 3,416 ดอลลาร์ ไทยบวก 750 บาท บาทแข็ง 33.09  หุ้นร่วง 1.41% ต่างชาติทิ้ง 2,238 ล้านบาท แบงก์ถูกถล่ม ธนาคารกสิกรไทยคว้าแชมป์กำไรสูงสุด 13,791 ล้านบาท พุ่ง 28 % จาก Q4/67  สำรองลด 19.80% เพียง 9,818 ล้าน KKP แย่สุดกำไรดิ่ง 26.9% เหลือแค่ 1,062 ล้าน สำรองหนี้ 1,104 ล้านบาท เพิ่ม 21% 

วันที่ 21 เม.ย. 2568 ตลาดหุ้นไทยเจอแรงขายหนักหน่วงในข่วงบ่าย ปิดจมดิ่ง 16.24 จุด หรือ -1.41% ที่ระดับ 1,134.71 จุด  เจอนักลงทุนต่างประเทศขายมากถึง 2,237.56 ล้านบาท สถาบันขายด้วย 531.42 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยซื้อ 3,182 ล้านบาท

ด้านค่าเงินบาทแข็งปิดที่ 33.09  บาท/ดอลลาร์ ต่างชาติแห่ซื้อพันธบัตรมากถึง 7,600 ล้านบาท  และราคาทองเพิ่มขึ้น all time high ซื้อขายที่ออนซ์ละ 3,416  ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น  +87.90 ดอลลาร์ หรือ+2.64% ณ เวลาประมาณ 19.00 น. ส่วนประเทศปรับขึ้นรวม 750 บาท

ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงแซงหน้าตลาดญี่ปุ่น -1.30% ส่วนฮ่องกง +1.61% จีน +0.45% ดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วง 400 จุด  หลังจากนักลงทุนต่างชาติและสถาบันไทยพุ่งเป้าขายหุ้นบิ๊กแคปนำโดยกลุ่มธนาคาร  หลังจากประกาศกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1/2568 ออกมาครบ พบว่า หลายธนาคารมีการตั้งสำรองหนี้ หรือผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูง  รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าปีก่อน และเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง ส่งผลกระทบต่อกำไรในอนาคต ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) ของธนาคารแห่งประเทศมีโอกาสสูงที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.2568  กดดันรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกสิกรไทย( KBANK) ประกาศกำไรสุทธิมากที่สุด 13,791 ล้านบาท พุ่งขึ้น 28.08% จากไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 1.08%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้ลดลง 19.80% เพียง 9,818 ล้านบาท ส่วนธนาคารกรุงเทพ (BBL) อันดับที่สองจำนวน  12,618 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.3% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ตามด้วยธนาคารกรุงไทย (KTB) มีกำไรสุทธิ 12,595 ล้านบาท  +5.3%และ เอสซีบี เอ็กซ์ (SCB) มีกไรสุทธิ 12,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8%

ขณะที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) แย่ที่สุด ทำกำไรสุทธิได้จำนวน 1,062  ล้านบาท ร่วงลง -26.9% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และทรุดลง 29.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะตั้งสำรองหนี้มากถึง 1,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7% จากสิ้นปีที่ผ่านมา    ทำให้นักลงทุนพร้อมใจกันเทขายหุ้น กดราคาปิดต่ำสุดที่ 50 บาท ร่วง 5.75 บาทหรือ -10.31%

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงจากหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ ทั้งผิดหวังงบฯกลุ่มธนาคารที่ออกมาแล้ว และยังมีมุมมองครึ่งปีหลังที่ผลงานกลุ่มธนาคารจะไม่ดี จากที่อาจจะต้องตั้งสำรองฯเพิ่ม อีกทั้งประเมินปีนี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง   นอกจากนี้ สัญญาณทางเทคนิคหลุดเส้น 10 วันที่ระดับ 1,139 จุด ทำให้มีแรงขายออกมาอีก ซึ่งเทรนด์ตลาดปรับขึ้น 3 วัน เพิ่งจะหักหัวลง และมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก คนจึงแห่ขายกันออกมาก่อน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส และ Nasdaq ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวลงกันราว 1% หลังจีนออกมาเตือนจะตอบโต้ทุกประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐแล้วกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ตลาดฯปรับตัวลงในช่วงบ่ายนี้ด้วย พร้อมให้เกาะติดการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) ตลาดยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อ แต่สัญญาณระยะกลางยังดีอยู่ พร้อมให้แนวรับ 1,122-1,118 จุด แนวต้าน 1,145-1,153 จุด